ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีที่วันนี้ (11 ก.ย.) ศาลจังหวัดพัทยา ได้อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีแกนนำและแนวร่วม นปช. ร่วมกันชุมนุมบุกรุกไปยังโรงแรม รอยัลคลิฟ บีช พัทยา เพื่อขัดขวางการประชุมอาเซียนปี 2552 ที่มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลตามหมายเรียกเพียงคนเดียว ส่วนจำเลยอื่น มีทั้งที่ระบุมีอาการป่วย, ไม่ได้รับหมายเรียกและที่ได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล นั้น
ศาลจังหวัดพัทยาจึงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้เฉพาะ นายศักดา จำเลยที่ 10 ฟัง ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืน ตามศาลอุทรธรณ์ภาค 2 ที่ให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2)(3) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด โดยเมื่อนายศักดา ได้ฟังผลคำพิพากษาฎีกาซึ่งถึงที่สุดตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายศักดาไปคุมขังยังเรือนจำเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาดังกล่าวต่อไป
ส่วนกรณีจำเลยอื่นที่ไม่มาศาลนั้น ทีมทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ในวันนี้ศาลจังหวัดพัทยาได้นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา ซึ่งมีจำเลยทั้งสิ้น 13 คน (ที่สู้ถึงชั้นฎีกา) แต่ในส่วนของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ นพ.วัลลภ ยังตรง จำเลยที่ 1 และ 16 ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำร้องขอให้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาวันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยทั้งสองมีอาการป่วย พร้อมนำใบรับรองแพทย์มาแสดง ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้พิจารณาคำร้องในส่วนนี้แล้ว เห็นว่าอาการป่วยนั้นไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยศาลให้ปรับนายประกันของจำเลยทั้งสองด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำเลยที่ 3, นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6, นายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ก็ปรากฏว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกที่ศาลแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ จึงไม่ได้เดินทางมาศาล โดยศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วก็ให้ออกหมายเรียกจำเลยทั้งสามมาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นี้ วัน-เวลาเดียวกันกับนายอริสมันต์
ส่วนจำเลยอื่นอีก 7 คน (จำเลยที่ 2,4,5,11,12,15,17) ก็ปรากฏว่า ศาลได้ส่งหมายเรียกแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาฎีกาให้ทราบแล้ว แต่วันนี้จำเลยทั้ง 7 คนไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจังหวัดพัทยาจึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้ง 7 เพื่อมาฟังคำพิพากษาต่อไปเช่นกัน พร้อมให้ปรับนายประกันจำเลยทั้ง 7 คนเต็มจำนวนสัญญาประกันด้วย
โดยคำพิพากษาศาลฎีกาที่อ่านในวันนี้ถือว่าเฉพาะนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เท่านั้นที่ได้รับฟังผล ส่วนจำเลยอื่นถือว่ายังไม่ได้รับฟังคำพิพากษา ยังไม่ทราบผลคำพิพากษา ซึ่งในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์, นายวรชัย, นายสำเริง ที่ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายเรียกแจ้งให้มาฟังคำพิพากษาฎีกาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นั้น ก็จะต้องมาตามวันที่ศาลนัดต่อไป ส่วนนายอริสมันต์ และจำเลยร่วมที่เหลือ 9 คน ซึ่งศาลให้ออกหมายจับนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องติดตามตัวมาส่งศาลในวันนัดที่ 31 ต.ค. เพื่อฟังคำพิพากษาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกาที่อ่านให้จำเลยที่ฟังในวันนี้ ระบุว่า ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในส่วนของนายสมญศฆ์ พรมภา จำเลยที่ 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
ซึ่งชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1,2,3,5,6,10,11,12,13,15,16,17 คนละ 4 ปีโดยไม่รอการลงโทษ ฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2)(3) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ขณะที่ชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ให้ปรับจำเลยที่ 1,2,3,5,6,10,11,12,13,15 16,17 คนละ 200 บาท ฐานร่วมกันเดินแถวเป็นกระบวนและกระทำในลักษณะกีดขวางการจราจร ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาด้วย
สำหรับคดีล้มประชุมอาเซียน เรียงลำดับชื่อจำเลย ประกอบ 1.นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 2.นายนพพร นามเชียงใต้ 3.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 4.นายสมญศฆ์ พรมภา (ยกฟ้องชั้นฎีกา) 5.นายนิสิต สินธุไพร 6.นายสำเริง ประจำเรือ 7.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ (หนี) 8.นายธรชัย ศักดิ์มังกร (ยกฟ้องชั้นต้น) 9.นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือแซ่ด่าน (หนี) 10.นายศักดา นพสิทธิ์ 11.นายสิงห์ทอง บัวชุม 12.นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี 13.นายวรชัย เหมะ 14.พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ (ยกฟ้องชั้นต้น) 15.นายพายัพ ปั้นเกตุ 16.นายวัลลภ ยังตรง 17.นายพิเชฐ สุขจินดาทอง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |