“ประยุทธ์” ย้ำรับผิดชอบเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณ ลั่นไม่หวั่นไหวทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ “เพื่อไทย” ประกาศขอจับมือประชาธิปัตย์ดัน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญในสมัยประชุมนี้ อ้างเหตุชำเรา รธน.ใช้เวลานาน “ธรรมนัส” ขอโทษพูดเล่นเรื่องลิง-กล้วย แต่ “พิเชษฐ” เมิน ประกาศเลิกร่วมรัฐบาล พ่วงถาม “เสี่ยหนู” พรรคร่วมเหลือต่ำกว่า 250 จะตัดสินอย่างไร ส.ส.ส้มหวานนครปฐมไขก๊อกเหตุสุขภาพ สะพัด “สะสมทรัพย์” ไม่ลงสนาม หญิงหน่อยจ่อลงชิงเก้าอี้ ส.ส. “บึงกุ่ม-คันนายาว” แทนพลภูมิที่ส่อเค้าหมดอนาคต
เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ตอบข้อถามถึงความหวั่นไหวในการอภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนว่า ถามกันอีกแล้วในเรื่องวันที่ 18 ก.ย. ยืนยันว่าไม่หวั่นใครทั้งสิ้น จะต้องไปหวั่นทำไม
"ในเมื่อผมทำของผม ผมรับผิดชอบของผม และผมก็ทำโดยเจตนาบริสุทธิ์ของผม เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็เป็นเรื่องของกระบวนการที่ต้องว่ากันไป เรื่องของสภา ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของสภา ผมคิดว่าสภาเขาก็รู้ บรรดาสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเขาก็รู้กันดีอยู่ เพราะเขามาจากหลายฝ่าย อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์ ก็คิดว่าทุกคนเองก็คงไม่ชอบ เพราะหลายคนต้องการทำให้สภาเป็นที่ยอมรับ เพราะฉะนั้นน้ำดีมีมากกว่าน้ำไม่ดี สุดแล้วแต่ว่าใครจะดีหรือไม่ดี ก็เป็นเรื่องของสังคมและประชาชนที่จะตัดสินเอาเอง เพราะเป็นคนเลือกบุคคลเหล่านี้มาทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องกำชับสมาชิกพรรค เพราะเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องไปตอบ โดยหากใครพูดอะไรที่เกินเลยไป คนพูดก็ต้องรับผิดชอบเอง
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้รายงานในที่ประชุมถึงการอภิปรายดังกล่าว และได้สอบถามในที่ประชุมว่า นายกฯ จะไปท่านเดียวหรือ ครม.ท่านไหนจะไปด้วยบ้าง หากใครสะดวกก็เชิญไปหมด ซึ่งนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าปกติประธานสภาฯ ต้องดูว่าจะให้ใครขึ้นไปตอบได้บ้าง ไม่ใช่ให้ ครม.ขึ้นไปนั่งกันจนเต็ม แต่ ครม.ทุกคนก็บอกว่าจะไปให้กำลังใจนายกฯ กันหมดทุกคน โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ พูดว่าหากนายกฯ นั่งอยู่ตลอดเหมือนในวันที่แถลงนโยบาย ก็ทำให้สถานการณ์เบาลง และเขาก็จะรู้สึกว่าท่านมานั่งฟังจริงๆ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ตอบว่า ก็ให้เกียรติสภา
สำหรับความเคลื่อนไหวในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์แถลงเรื่องนี้หลังประชุม ครม.ว่า หลายคนออกมาพูดแล้วคงไม่พูดซ้ำ เรื่องการจะแก้ไขแก้ปัญหาอะไรอย่างไร ที่มาของรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร จะแก้ในประเด็นไหนที่เกี่ยวข้องกับประชาชน นักการเมือง หรือเรื่องการเมือง ถ้าบอกว่าทุกอย่างมาจากรัฐธรรมนูญคงไม่ใช่ทั้งหมด ปัญหาอยู่ที่คนมากกว่า รัฐธรรมนูญได้ผ่านประชามติแล้ว จะทำอย่างไรในตรงนี้ก็ไปหาวิธีการ
“ผมไม่ขัดขวางอยู่แล้ว แต่การจะออกมาเดินสายแก้รัฐธรรมนูญผมว่ามันไม่ใช่ อย่าลืมว่าการรณรงค์การรวมตัวเดินอะไรต่างๆ เหล่านี้มันต้องมีกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่รัฐบาลไปห้าม แต่ไม่ต้องการให้มันบานปลาย เดี๋ยวมันก็บานปลายไปอีกนั่นแหละ เคยหยุดกันได้ที่ไหน คนที่ปลุกระดมออกมา ไม่เคยหยุดได้ ก็มีปัญหามากันทุกรัฐบาล” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กำลังแก้ปัญหาน้ำท่วมกันอยู่ ทุกอย่างกำลังวุ่นวาย ค่อยคุยกันอีกที ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอเอาไว้ก่อน ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ทุกพรรคก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันก่อนว่าจะแก้เรื่องอะไร ซึ่งต้องถามประชาชนด้วย เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ได้มาจากประชาชนเป็นคนลงประชามติ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรค ปชป.เสนอตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าเรื่องของเขา ไม่ใช่ของเรา เราก็เป็นเรา ทำไมต้องไปตามอะไรใคร เราก็ดูว่าอะไรที่มันดี ซึ่งพรรคบอกมาตลอดเวลา ว่าหากทำอะไรที่มีผลที่ดีขึ้นต่อประชาชนและประเทศชาติ พร้อมทำทุกอย่าง อะไรที่ทำแล้วเพื่อความสะดวกและความต้องการของตัวเองก็ไม่ทำ
ถามย้ำว่า ตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ตอบไปแล้ว และยังไม่มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หน่อยขอจับมือ ปชป.
นายเทวัญ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวว่า ต้องหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้หารือกัน ซึ่งถ้าเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร พรรค ชพน.ก็ไม่มีปัญหา
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กำลังหารือกับ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านในการยื่นญัตติศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝั่งรัฐบาลก็มีพรรค ปชป.ยื่นเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ถ้าเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอุปสรรค ก็อยากเชิญชวนพรรค ปชป.มาร่วมกันยื่นเรื่องเพื่อเลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาให้ทันสมัยประชุมนี้ และขอเชิญชวนพรรคอื่นๆ ที่สนใจมาร่วมทำงาน ซึ่งก็รวมถึง ส.ว.ด้วย เพราะเมื่อได้มาทำหน้าที่ตรงนี้แล้วถือว่าเป็นผู้รับประโยชน์ กินเงินเดือนจากประชาชน จึงอยากจะขอความร่วมมือ ไม่ใช่จะฟังแต่คนที่ตั้งมาเท่านั้น
ขณะที่พรรค พท. ตัวแทนคณะทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมหารือถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยภายหลังการหารือ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรค พท. กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านมีข้อเสนอให้ตั้งคณะ กมธ.ศึกษาหาวิธีที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ขณะนี้ประธานสภาฯ ไม่ได้บรรจุเป็นญัตติด่วน แต่สามารถทำได้ทันที โดยอาศัยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา จึงขอความร่วมมือจากพรรคการเมืองที่เคยประกาศไม่สนับสนุนรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะจากพรรค ปชป.มาร่วมยกมือสนับสนุน ก็จะเป็นคุณูปการให้กับประชาชน
“ขอเรียกร้องให้บรรจุเป็นญัตติด่วนให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 ก.ย. เพราะหากรอไปสมัยประชุมหน้า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยิ่งล่าช้าออกไป เนื่องจากกระบวนการแก้ไขทั้งหมดประมาณ 2 ปี ขอยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล ด้านบริหารก็ทำงานไป แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ และที่เราออกไปรณรงค์เพียงแค่ไปบอกให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ได้ชวนให้คนมาลงถนน ตามที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามสร้างข่าว” นายวัฒนาระบุ
นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า เวลานี้สุกงอม ควรเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ 3 แนวทาง คือจาก ครม. การเสนอชื่อของ ส.ส.และ ส.ว. และจากประชาชน ซึ่งทุกวันนี้ประชาชนมีความตื่นตัวมาก ในเร็ววันนี้อาจมีการรณรงค์ขนานใหญ่
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะผลักดันญัตตินี้ขึ้นมาก่อน เนื่องจากทราบว่าฝ่ายรัฐบาลเองทั้งพรรค ปชป. และ พปชร.ได้เริ่มมีส่วนร่วมเข้ามาเช่นเดียวกัน อาจเป็นได้ว่าที่ประชุมจะลงมติร่วมกันเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาในสัปดาห์นี้เลย โดยสัดส่วนของ กมธ.จะมีทั้ง ส.ส.และคนนอก ซึ่งพรรคกำลังพิจารณาว่าจะตั้งใครบ้าง แต่ยืนยันจะไม่มีบุคคลที่เคยอยู่ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“พิเชษฐ”ถอนยวง
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีพรรคเล็กไม่พอใจคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเตรียมถอนตัวว่า ไม่มี รวมถึงกรณีของนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ทุกอย่างได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไร ยังอยู่เหนียวแน่น
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสได้ออกมากล่าวขอโทษที่ออกมาเปรียบเปรยเรื่องฤาษีกับลิง ว่าต้องขอโทษพวกพี่ๆ ที่ไปล้อเล่นกันมากจนเกินไป จริงๆ แล้วไม่มีเจตนาจะไปเปรียบเทียบเขาเป็นลิงหรือเป็นสัตว์ เราสนิทกันมาก ออกพื้นที่มาด้วยกันตลอด ตนเองผิดเอง ต้องขอโทษด้วย ไม่มีเจตนาใดๆ และได้โทรศัพท์ไปขอโทษทุกท่านแล้ว
“เราสนิทกันมาก พูดคุยเล่นกันมาตลอด บางครั้งเราก็อาจจะลืมคิดไปว่าจะทำให้ท่านเสียความรู้สึก ก็ต้องขอโทษ ผมขอโทษพี่พิเชษฐกับทุกท่าน และขอโทษผ่านสื่ออีกทีว่าไม่มีเจตนา เราเป็นพี่น้องกัน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว และว่า ได้คุยกับพี่ๆ แล้ว ทุกคนเข้าใจดีว่าไม่มีเจตนา
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่โรงเเรมรามาการ์เด้นส์ พรรคประชาธรรมไทย นำโดยนายพิเชษฐพร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงความชัดเจนในการร่วมรัฐบาล ซึ่งมีการนำกล้วยหอม 2 หวี มาวางบนโต๊ะเเถลงข่าวด้วย รวมทั้งมีตัวเเทนจากพรรคไทยศรีวิไลย์มามอบกระเช้าให้กำลังใจนายพิเชษฐด้วย
นายอนิรุทธิ์ สมุทรโคจร เลขาธิการพรรคประชาธรรมไทย แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ มีความเห็นตรงกันว่าเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของพรรค จึงเห็นสมควรให้พรรคและ ส.ส.พรรคทำงานรับใช้ประชาชนและประเทศชาติผ่านสภาเท่านั้น จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในฝ่ายบริหาร และขอถอนตัวจากการเข้าร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายพิเชษฐกล่าวว่า ได้เเยกห้องทำงานไว้เเล้ว โดยได้อยู่ในห้องเดียวกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ จะใช้เวที กมธ.ทำงาน เวลานี้เป็นฝ่ายค้านอิสระร่วมกับนายมงคลกิตติ์ตั้งเเต่วินาทีนี้ คงไม่ต้องมีอะไรต้องเเถลงอีก ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัสได้เเถลงขอโทษนั้น เรื่องนี้เป็นมติพรรคไปแล้ว กลับไปกลับมาไม่ได้
“วันนี้ผมออกมาก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเหลือเท่าไหร่ ให้คิดย้อนไปถึงคำพูดของนายอนุทิน ว่าถ้าต่ำกว่า 250 ก็ไม่ร่วมรัฐบาล วันนี้อยากให้ไปถามนายอนุทินว่าเหลือเท่าไหร่ และยังจำคำพูดตัวเองได้ไหม วันนี้ผมหลุดจากการกินกล้วยเเล้ว คนอื่นอยากกินกล้วยต่อก็เป็นเรื่องของเขา“ นายพิเชษฐกล่าว
ในช่วงเย็น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวในรื่องนี้ว่า ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยเขา และเสถียรภาพของพรรคก็ยังมีอยู่เยอะแยะ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล
ขณะเดียวกัน นายปิยบุตรกล่าวว่า พรรค อนค.จะให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นใบลาออกให้กับนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.เขต 5 นครปฐม ต่อประธานสภาจากปัญหาสุขภาพ ซึ่งพรรคยังมั่นใจว่าจะรักษาพื้นที่ไว้ได้ และหากพรรคร่วมฝ่ายค้านจะส่งผู้สมัครลงเเข่งขันด้วย ก็ไม่เป็นปัญหา เป็นสิทธิที่สามารถทำได้
“สะสมทรัพย์”ไม่ลงชิง
มีรายงานว่า พรรค อนค.จะส่งนายไพรัฎโชติ จันทรขจร สามีของนางจุมพิตาลงเป็นผู้สมัคร ในขณะที่นายมนตรี บุญประคอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เขต 5 เตรียมจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค พท. ส่วนนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคชาติไทยพัฒนา จะไม่ลงสมัคร
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุม ส.ส.ว่า ขอให้ทุกคนเตรียมตัวระดมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม โดยเฉพาะ ส.ส.ใน จ.นครปฐม ต้องมีความพร้อมมากที่สุด
รายงานข่าวจากพรรค พท.แจ้งว่า ในวันที่ 12 ก.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีจงใจปกปิดการยื่นทรัพย์สินและหนี้สินของนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งหากศาลตัดสินในทางลบ นายพลภูมิจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตตามกฎหมายใหม่ และต้องเลือกตั้งใหม่ในเขตบึงกุ่ม คันนายาว ซึ่งล่าสุดมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า พรรคอาจส่งคุณหญิงสุดารัตน์ลงสมัครเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อเพิ่มบทบาทการนำทั้งในและนอกสภา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |