ตอนนี้คดีบิลลี่กลับมาเป็นกระแสคึกโครมอีกครั้ง หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการค้นพบเศษกะโหลกของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ที่ได้หายตัวนานกว่า 5 ปี อยู่ใต้น้ำที่สะพานแขวนแก่งกระจาน
ทำให้ชัดเจนแล้วว่าคดีนี้มีการพุ่งเป้าเรื่องการฆาตกรรม มี 2 ปมสำคัญที่ทำให้บิลลี่ถูกอุ้มฆ่า ทั้งมีออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการปกป้องสิทธิให้กับกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแล้ว กรณีที่ไทยเตรียมประกาศให้แก่งกระจานเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโก้จึงพยายามผลักดันกะเหรี่ยงออกจากพื้นที่
หลักฐานลับที่ถูกเสนอต่อสื่อมวลชนเมื่อปี 2557 หลังบิลลี่หายตัวไป คือภาพคนกำลังเลื่อยไม้ และใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำตาลสวมเสื้อที่มีคำว่า "กรมอุทยานแห่งชาติ" และอีก 2 คนเป็นชุดเสื้อลายพราง
โดยต้องยกความดีความชอบให้ดีเอสไอ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ทำคดีนี้อย่างหนักมาตลอด ที่เสาะแสวงหาจนพบหลักฐานสำคัญนั้นคือพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง มีการเจาะรู มีลักษณะผุดำ ไหม้เป็นบางส่วน และยังพบเหล็กเส้นจำนวน 2 เส้น ถ่านไม้จำนวน 4 ชิ้น เศษฝาถังน้ำมัน ในถังน้ำมันมีชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น บริเวณใกล้ถังน้ำมันยังพบเศษกระดูกคล้ายกระดูกมนุษย์
หลังจากนี้ที่ต้องทำที่เหลือคือวิเคราะห์ว่าใครเป็นคนฆ่า และต้องทราบด้วยว่าวิธีที่ทำให้ตายเป็นอย่างไร โดยศพถูกนำมาเผาทำลายอำพรางคดี เนื่องจากพบว่าส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้ สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อน หรือถูกเผาด้วยความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส แม้จะพอรู้ตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัย แต่ยังขอเวลาให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน จะเชื่อมโยงวัตถุพยานในที่เกิดเหตุว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง แม้ว่าจะมีหลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ดีเอสไอต้องการเก็บหลักฐานให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จัดการให้ชัวร์ก่อนที่จะออกหมายจับ คาดว่าดีเอสไอเล็งเป้าออกหมายจับใครบางคนแล้ว โดยคาดว่าภายในเดือนนี้จะได้บทสรุป จากที่ตอนแรกจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน ผ่านมาพนักงานสอบสวนพบพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องสงสัยยุ่งเหยิงกับพยานค่อนข้างมาก
โดยผู้ต้องสงสัยและถูกพาดพิง หนึ่งในนั้นคือ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี ในฐานะอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมนายบิลลี่ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 ก่อนที่จะหายตัวไปในวันเดียวกันที่ได้ออกมาโต้ดีเอสไอว่าบริเวณสะพานที่ทางดีเอสไออ้างว่าเจอกระดูกนั้นเป็นบริเวณที่ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย เอากระดูกของคนตายมาลอยอังคารกันอยู่แล้ว
แต่กลับมาโป๊ะแตกตรงที่ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามผู้ใหญ่บ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ในเรื่องพิธีการถึงวิธีการจัดการศพของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีการลอยอังคารกระดูก มีแค่การฝังหรือไม่ก็เผาศพเท่านั้น
นอกจากนั้น ถ้าดูจากไทม์ไลน์บิลลี่เดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เพื่อไปตัวอำเภอแก่งกระจาน โดนชัยวัฒน์ควบคุมตัวในข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่า 3 ขวด ซึ่งนายชัยวัฒน์ระบุว่าเพียงแต่เรียกมาตักเตือน และปล่อยตัว แต่เมื่อดีเอสไอพบหลักฐานที่ทำให้รู้การเสียชีวิตของบิลลี่ คำพูดต่างๆ ที่ชัยวัฒน์กล่าวอาจเป็นหลักฐานชิ้นส่วนสำคัญต่อไป
ตัดกลับมาที่ปัจจุบันในเรื่องคดีบิลลี่ ทางกรรมสำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ได้มีมติให้ส่งสำนวนการไต่สวนกรณีชัยวัฒน์กับพวก กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่เปรียบเทียบปรับและไม่นำตัวบิลลี่ ซึ่งกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ พร้อมของกลางน้ำผึ้งป่าให้ตำรวจ สภ.แก่งกระจานดำเนินคดี เนื่องจากมีสาเหตุโกรธแค้นกับนายบิลลี่มาก่อน ซึ่งคดีดังกล่าว ป.ป.ท.ได้ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานไว้อย่างละเอียดตั้งแต่ก่อนที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ แต่เนื่องจากผู้เสียหายในคดีได้ยื่นร้องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบกับผลการสอบสวนของดีเอสไอได้หลักฐานทางคดีลึกไปกว่าการหายตัว บอร์ด ป.ป.ท.จึงมีมติให้ส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. เพื่อส่งต่อให้ดีเอสไอสอบสวนทั้งคดีฆาตกรรมและความผิดอาญาที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันทั้งหมด โดย ป.ป.ท.เร่งส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้สำนวนคดีส่งถึงดีเอสไอเร็วที่สุด
“บทสรุปคดีที่บิลลี่ที่หายไปนานกว่า 5 ปีกำลังจะได้ข้อยุติในเร็ววันนี้ และสุดท้ายเราจะได้รู้กันว่าใครคือผู้พยายามฆ่าบิลลี่”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |