จากลิง...ถึงงูเห่า และสารพัดสัตว์


เพิ่มเพื่อน    

 ระหว่าง งูเห่า กับ ลิง...อะไรที่ฟังดูแล้วออกจะน่าเกลียด น่าทุเรศ หรือน่าดูหมิ่น ดูแคลน มากกว่ากัน อันนี้...ก็คงสรุปลำบาก เพราะว่าไปแล้ว ต่างก็เป็น สัตว์เดียรัจฉาน ไปด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น...การเปรียบเทียบ อุปมา-อุปไมย ว่าอะไรคือลิง อะไรคืองูเห่า มันคงไม่ถึงกับก่อให้เกิดการลดชั้น ลดเกียรติยศ ศักดิ์ศรี อะไรกันมากมาย อย่างที่พรรคฝ่ายค้านเขาพยายามยุแยง ตะแคงรั่วเพื่อให้ รัฐบาลปริ่มน้ำ กลายเป็น รัฐบาลสำลักน้ำ ให้จงได้...

                                                                   -----------------------------------------------

                คืออย่างที่ผู้รู้ หรือประเภทนักคิด นักปราชญ์ ท่านเคยพูดๆ เอาไว้ไปในแนวทางเดียวกันนั่นแหละว่า สิ่งที่เรียกว่า เกียรติยศ หรือ ศักดิ์ศรี นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผู้อื่นมอบให้ ใช่ว่าจะเป็นสิ่งซึ่งใครต่อใครจะสามารถเสกสรร ปั้นแต่ง หรือนิรมิตขึ้นมาได้เอง ด้วยเหตุนี้...การจะทำให้ผู้อื่นมองเห็นว่าตัวเราเองเป็นใคร หรือเป็นอะไร อันที่จริง...ย่อมหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรม หรือการกระทำของตัวเรานั่นแหละ ว่าเป็นไปในรูปไหน แบบไหน น่ารัก น่าประทับใจ หรือน่าเกลียด น่าทุเรศ หนักไปทาง ลิง หรือหนักไปทาง งูเห่า ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

                                                                    ------------------------------------------------

                ซึ่งก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า...บรรดา นักการเมือง จำนวนไม่น้อย ท่านออกจะวูบไป ไหวมา ขยุกขยิกหยดหยอดปานยอดย้อย บ้างแหลมรอยเลื่อมสลับระยับยิบ อยู่พอสมควรทีเดียว หรือออกอาการซุกๆ ซนๆ ชนิดอยู่นิ่งแทบไม่ได้ จนกว่าจะได้รับประทาน กล้วย เข้าไปซักหวีใหญ่ๆ หรือบางรายต้องระดับเป็น เครือ เอาเลยก็ยังมี อันนั้นนั่นแหละ...ถึงพอจะเริ่มมีสมาธิ เริ่มเข้ารูป เข้ารอย เข้าท่า เข้าทาง ได้มั่ง อันเป็นเหตุให้  ผู้กองมนัส หรือ ธรรมนัส มือประสานสิบทิศของรัฐบาล ท่านอาจปวดหัว วิงเวียน มวนท้อง มวนลำไส้ ชนิดยาหม่อง ยาอม ยาดมใดๆ แทบเอาไม่อยู่ ท่านเลยต้องอุปมา-อุปไมย เปรียบเปรยตัวเองว่ากำลังทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรไปจาก ผู้เลี้ยงลิง ที่ไม่เพียงแต่ยากลำบากในการหาทางทำให้ลิงแต่ละตัว กลายเป็น ลิงหลับ ได้ง่ายๆ เผลอๆ ยังต้องเจอกับ ลิงคืนกล้วย เพียงเพราะไม่ได้เป็น ประธานกรรมาธิการ เท่านั้นเอง...

                                                                     ------------------------------------------------

                แต่ทำไงได้!!!...ในเมื่อระบบ จัดสรรปันส่วนผสม  โดยการออกแบบ ดีไซน์ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ย่อมถือเป็นระบบที่ต้องเปิดพื้นที่ให้กับบรรดา สารพัดสัตว์ อยู่แล้ว อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าสัตว์เหล่านั้นจะเป็นลิง เป็นค่าง บ่าง ชะนี ไปจนถึงเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ สมเสร็จ ฯลฯ ขอเพียงแต่อย่าให้หนักไปทาง วรนุส มากมายเกินไปนัก ก็น่าจะพอ อยู่ๆ กันไปได้ คืออย่าให้ถึงกับเลื้อยไป-เลื้อยมา สะบัดหาง แลบลิ้นแผล็บๆ กันในระดับครึ่งสภาฯ ค่อนสภาฯ ก็คงทำให้ชาติบ้านเมืองพอที่จะ เดินหน้า ต่อไปได้มั่ง แม้จะต้องเดินในแบบตุปัด ตุเป๋ แกว่งไป-แกว่งมา อันเนื่องมาจาก ข้อเท็จจริง ที่ว่า ในเมื่อประชาชนเป็นเช่นไร นักการเมืองก็ย่อมต้องเป็นไปเช่นนั้น นั่นแล...

                                                                         -------------------------------------------

                เพราะโดย ธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย  นั้น...มันคงหนีไม่พ้นไปจากข้อสรุปที่อภิมหาพระอย่าง  ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเคยสรุปเอาไว้มาโดยตลอดนั่นแหละว่า ประชาธิปไตย...ที่ว่าของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชนนั้น ใช้ได้แต่เฉพาะประชาชนที่มีธรรมเท่านั้น แต่ตราบใด หรือเมื่อไหร่ ที่ประชาชนไม่มีธรรม มันย่อมต้องกลายเป็น ประชาธิป...ตายเท่านั้นเอง ดังนั้น...ในเมื่อสิ่งที่เรียกว่า ปวงชน  หรือ ประชาชน ทั้งหลายในยุคนี้ สมัยนี้ ต่างถูกวัตถุนิยม ทุนนิยม บริโภคนิยม ความก้าวหน้า ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี เพียรพยายามยัดเยียด กิเลส ต่างๆ นานา ชนิดแทบไม่เหลือสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ติดปลายนวมกันในระดับแทบจะทั่วทั้งโลก ไม่ว่าปวงชนชาวอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ต่างหนีไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับ ประชาธิป...ตาย ไปด้วยกันทั้งนั้น แล้วปวงชนชาวไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จะมีอะไรเหลือ!!!

                                                                        -----------------------------------------------

                บรรดาลิง ค่าง บ่าง ชะนี เสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ และสมเสร็จ ไปจนถึงงูเห่า งูเขียว งูบองหลา ฯลฯ จึงต้องเดินไป-เดินมา หรือเลื้อยไป เลื้อยมา ภายในพื้นที่อาคารรัฐสภา ตามระบบ จัดสรรปันส่วนผสม ไปด้วยประการละฉะนี้นี่แล และโดยหนีไม่พ้นต้องหันไปพึ่งบริการ อดีตนักเคลียร์ อย่าง ผู้กองมนัส ให้ช่วยทำหน้าที่ เลี้ยงลิง ช่วย ป้อนกล้วยให้ลิง ไปตามสภาพ รวมทั้งหน้าที่ดัดแปลงสภาพ ตัดต่อพันธุวิศวกรรม เปลี่ยนยีนและดีเอ็นเอ ให้เกิดงูเห่า หรืองูเขียว ให้มากๆ เข้าไว้ แทนที่จะปล่อยให้เกิดการวิวัฒนาการไปเป็น วรนุส ตามกระบวนการคัดสรรทางธรรมชาติ หรือตามทฤษฎี ชาร์ลส์ ดาร์วิน กันง่ายๆ...

                                                                         -----------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ก็คงต้องถือเป็นเรื่องศิลปะ เรื่องของขีดความสามารถทางเทคนิค ที่แล้วแต่จะว่ากันไป ในการหาทางทำให้ รัฐบาลปริ่มน้ำ ไม่ต้องกลายเป็น รัฐบาลสำลักน้ำ ไปก่อนกำหนดการ แต่ก็นั่นแหละ...การคลุกคลีตีโมงอยู่กับบรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ สมเสร็จ ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ไปจนงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แต่ละประเภท นานเข้าๆ...ก็อาจส่งผลให้เกิด กระบวนการผ่าเหล่า หรือกระบวนการ มิวเตชั่น ขึ้นมาได้เช่นกัน ยิ่งถ้าหากคิดจะอยู่ยาวว์ว์ว์ อยู่นาน กันในระดับ 8 ปี 10 ปี ไปโน่นเลย โอกาสที่ อดีตทหารหาญ จะวิวัฒนาการ ผ่าเหล่า ผ่ากอ ไปเป็นอะไรกันแน่ ก็ยังมิอาจคาดคำนวณได้...

                                                                      -----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Peter Howard... We have become industrial and technical giants but we have remained moral and spiritual pigmies. – คนในยุคปัจจุบันได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางอุตสาหกรรมและวิชาการทางเทคนิค แต่ในทางจริยธรรมและจิตใจ (ธรรมะ) แล้ว เรายังเป็นคนแคระ...

                                                                        ---------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"