จบแล้ว‘ธรรมนัส’แจกกล้วยให้ลิง


เพิ่มเพื่อน    

 "พิเชษฐ" เผยแค่แยกวง 10 พรรคเล็ก ไม่ได้ถอนตัวจากรัฐบาล ด้าน "ธรรมนัส" บอกเคลียร์แล้ว สะดุ้ง! เปรียบตัวเองเป็นคนเลี้ยงลิง ต้องเอากล้วยให้ลิงกินตลอดเวลา ขณะนี้เชื่อว่ากินจนอิ่มแล้วน่าจะพอได้แล้ว เพื่อไทยเสี้ยมทันที ยอมทำตัวให้เขาดูถูกเหยียดหยามได้ขนาดนั้น ก็ถือว่าหมดศักดิ์ศรีแล้ว จะเป็นผู้แทนของประชาชนได้อย่างไร 

    นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย เปิดเผยว่า พรรคประชาธรรมไทยยืนยันยังไม่ได้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นเพียงการขอแยกห้องทำงานที่รัฐสภา ที่มีการจัดให้ 10 พรรคการเมืองขนาดเล็กนั่งร่วมห้องกันทำงาน หลังจากที่ 10 พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่ได้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ประกอบกับตนเองไปเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรมที่พรรคเพื่อไทยเป็นประธานกรรมาธิการเท่านั้น 
    "การที่มีข่าวแยกตัวจากรัฐบาล จึงเป็นเพียงการเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการที่ฝ่ายค้านเป็นประธานเท่านั้น"
          เขากล่าวว่า ห้องทำงานที่แยกออกมาจากพรรคการเมืองขนาดเล็กนั้น จะเป็นห้องทำงานที่รวมกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อีกทั้งเตรียมที่จะเปิดตู้ ปณ เพื่อรับฟังปัญหาและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่เลือกว่าเป็นพรรคไหน
          ส่วนที่มีกระแสออกมาว่าได้พูดคุยและเคลียร์ปัญหาดังกล่าวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเคยเป็นผู้ประสานงานกับ 10 พรรคการเมืองขนาดเล็กมาก่อนหน้านี้นั้น นายพิเชษฐกล่าวว่า เป็นการโทรศัพท์มาสอบถามพูดคุยกัน ทำความเข้าใจกันเท่านั้นว่าเป็นเรื่องของการแยกห้องทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล
    ด้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมเป็นคนเลี้ยงลิง เลยต้องเอากล้วยให้ลิงกินตลอดเวลา ขณะนี้เชื่อว่ากินจนอิ่มแล้วน่าจะพอได้แล้ว"
    เขาเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวนั้นไม่ต้องเคลียร์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจผิด เพราะนายพิเชษฐได้พูดคุยกับตนแล้ว โดยชี้แจงว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะแยกออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไปเป็นฝ่ายค้าน แต่เพียงมองว่าการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มพรรคเล็กไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ เลยจะขอแยกออกมาทำงาน
       "ยืนยันว่ายังช่วยงานให้กับรัฐบาลอยู่ เชื่อมั่นว่าเสียงของรัฐบาลยังดีอยู่ ไม่ได้อยู่ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำตามที่หลายฝ่ายกังวล ยอมรับว่าผมได้รับหน้าที่ให้ไปเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้ได้ข้อยุติหากเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ารัฐบาลนี้อยู่ยาว ไม่ต้องเป็นห่วง”
         หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ ร.อ.ธรรมนัสได้โทรศัพท์ไปหานายพิเชษฐต่อทันที พอวางสายแล้ว ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี โดยนายพิเชษฐยืนยันว่าไม่ได้ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด
โควตาประธาน กมธ.
    ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฐานะหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิราวงศ์ รัฐมนตรีว่การกระทรวงพลังงาน ฐานะเลขาธิการพรรค จะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเอง เพราะหลังการเจรจาจัดสรรโควตาประธานกมธ.แล้วเสร็จ ตนถือว่าจบภารกิจแล้ว ส่วนการพิจารณาจัดสรรบุคคลของพรรคให้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.นั้น ทราบว่าพรรคจะนัดประชุมวันที่ 10 กันยายนนี้
          นายวิรัชยืนยันว่าการจัดสรรโควตาประธาน กมธ.ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีปัญหาหรือความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ที่หลายฝ่ายมองว่าพรรครัฐบาลได้รับประธาน กมธ.ตามตำแหน่งฝ่ายบริหาร เพื่อกันการตรวจสอบรัฐบาลนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง บทบาทของสภายังสามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านได้ กมธ.ที่เน้นการตรวจสอบ อาทิ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมถึง กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น ตนเชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาที่ทำให้กระทบต่อการบริหารราชการของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสพูดติดตลกเปรียบเหมือนคนเลี้ยงลิงว่า ฟังแล้วอึ้งไปเลย เพราะไม่เคยคิดเลยว่าคนจะมองกันแบบเหยียบย่ำศักดิ์ศรีขนาดนี้ มันเกินไป เขามองพรรคเล็กที่ไปช่วยเขาว่าเป็นแค่นั้นหรือ ถ้าท่านยังรับเรื่องนี้ได้ในชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรที่ท่านจะรับไม่ได้อีกแล้ว มันเกินไป 
    "ผมไม่ได้พูดว่าให้อยู่หรือไม่อยู่ไป แต่เราคือนักการเมือง เราเป็นคนของประชาชน ที่ประชาชนเลือกมา เรามีศักดิ์มีศรีของเรา ถ้าไปยอมทำตัวให้เขาดูถูกเหยียดหยามได้ขนาดนั้น ก็ถือว่าหมดศักดิ์ศรีแล้ว จะเป็นผู้แทนของประชาชนได้อย่างไร ผมต้องขอเตือนเลยว่า อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่น"
    นายวรวัจน์กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐ  ต้องออกมาขอโทษในสิ่งที่คุณพูดออกมา มีอะไรก็ควรไปพูดกันข้างหลัง เพราะอย่างน้อยเขาก็คือพรรคร่วมรัฐบาล คุณจะดูถูกเขาออกสื่อแบบนี้ไม่ได้ ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองไม่มีนักการเมืองคนไหนถูกดูถูกมากถึงขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะมองหน้ากันติดได้อย่างไร หากพรรคเล็กยอมรับในสิ่งที่เขาพูดมาได้ก็อยู่ต่อไป แต่หากท่านคิดว่าเป็นคนของประชาชน ก็ควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะคุณมีคำว่าประชาชนอยู่ข้างหลัง คุณต้องคิดได้แล้วว่าการที่คุณไปร่วมกับเขา เขามองคุณเพียงแค่นั้นจริงๆ 
    "ผมเชื่อว่าในอนาคตอย่าหวังว่าคุณจะซื้องูเห่าอะไรได้อีกเลย เพราะคนที่ออกหน้าออกตาช่วยคุณอย่างชัดเจนคุณยังมองเขาแค่นั้น วันนี้งูเห่าต่างๆ ก็คงจะไม่ใช่งูเห่าแล้ว เพราะเขาจะมองพวกคุณเป็นลิง เรื่องนี้ถ้าพรรค พปชร.ไม่ออกมาขอโทษ จุดจบของรัฐบาลก็ได้เกิดขึ้น ณ วันที่เขาได้พูดแบบนี้กับพรรคร่วมแล้ว” นายวรวัจน์กล่าว
ฝ่ายค้านยึดโควตาภาค
    ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดประชุมเพื่อพิจารณาจัดสรรตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ ตามสัดส่วนที่ได้รับจำนวน 18 คณะ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเจรจาเพื่อสลับหรือแลกเปลี่ยนตำแหน่งประธาน กมธ.กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตามการพิจารณาจัดสรรบุคคลที่เหมาะสมของพรรคการเมือง ดังนั้นรายชื่อ กมธ.ที่เปิดเผยไปก่อนหน้านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้     
    ส่วนการพิจารณาเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. ?ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น เบื้องต้นให้ ส.ส.ประจำภูมิภาคหารือร่วมกันและกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะส่งตัวแทนของภาคเข้าเป็นประธาน กมธ. เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้รับโควตาประธาน กมธ. 4 คณะ ส.ส.ในพื้นที่อีสานต้องหารือ และกำหนดเงื่อนไขพิจารณา เช่น ประสบการณ์ ความอาวุโส เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือเคยเป็นประธาน กมธ.?มาแล้วหลายสมัย เป็นต้น
    นายสุทินกล่าวด้วยว่า สำหรับการเสนอ ส.ส.ของพรรคเข้าไปเป็น กมธ.นั้น พรรคต้องคัดเลือกและส่งชื่อให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมสภา พรรคเพื่อไทยมีกติกาคือให้ ส.ส.ของพรรคแสดงความจำนงว่าต้องการเป็น กมธ.คณะใดบ้าง ทั้งนี้ จะมีสัดส่วนตามจำนวน ส.ส.ที่หาค่าเฉลี่ยแล้วเช่นกัน โดยการคัดเลือกประธาน กมธ. และจัด ส.ส.ทำหน้าที่ใน กมธ. เชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ก.ย.นี้ และตั้ง กมธ.ได้ทันก่อนปิดสมัยประชุม เพื่อให้ กมธ.สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
    ถามถึงกรณีที่พรรคฝั่งรัฐบาลได้รับโควตาประธาน กมธ. ตามสายงานบริหาร และได้ กมธ.การทหารและ กมธ.ตำรวจ จะกระทบต่อการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ ประธานวิปฝ่านค้านยอมรับว่า กังวลต่อการทำหน้าที่ แต่เมื่อการหารือเพื่อจัดสรรโควตาประธาน กมธ. ที่ได้หารือร่วมกับวิปฝ่ายรัฐบาลกว่า 1 สัปดาห์ ดังนั้นต้องยอมรับว่ามี กมธ.ที่เราควรได้ และต้องเสียสละ ทั้งนี้ การเจรจาเพื่อจัดสรรตำแหน่งดังกล่าวถือว่าเรียบร้อยกว่าที่คาดมาก
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า เมื่อดูจากภาวะเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ จะเห็นได้ว่าซีกฝ่ายค้านจะมีจำนวน กมธ.มากกว่ารัฐบาล โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีทั้งหมดถึง 18 คณะ ส่วนรัฐบาลมีเพียง 17 คณะ ซึ่งถือว่าเห็นได้ไม่บ่อยนัก แต่ในปัจจุบันเป็นภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ห่างกันไม่ถึง 5 เสียงย่อมเกิดขึ้นได้ ยิ่งพรรคเล็กทยอยลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้เห็นความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น
เพื่อไทยจะปราบโกง
          รองเลขาฯ พรรคเพื่อไทยเผยว่า พรรคฝ่ายค้านจะใช้ กมธ.ที่ติดตามตรวจสอบรัฐบาล อาทิ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. กมธ.กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนฯ กมธ.ศาล องค์กรอิสระฯ กมธ.ศึกษา กมธ.พลังงานในครั้งนี้ก็อยู่กับฝ่ายค้าน 
    นอกจากนี้ ยังมี กมธ.ติดตามงบประมาณ และกมธ.ที่สำคัญที่จะใช้ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์ต่อภาษีอากรของประชาชนให้ได้มากที่สุด แม้ว่ารัฐบาลจะมี กมธ.ที่สอดรับกับรัฐมนตรีของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคฝ่ายค้านจะให้ผู้แทนฯ ที่มีประสบการณ์สูงเข้าไปอยู่ใน กมธ.ซีกรัฐบาล เพื่อทำงานในการตรวจสอบทุกกระทรวงทุกรัฐมนตรีอย่างเข้มข้น
    นายจิรายุเผยว่า ตำแหน่งประธาน กมธ.ของพรรคเพื่อไทย พรรคได้มีวิธีการคัดสรรที่เหมาะสมและมีศักยภาพในการทำงาน โดยเน้นเป้าหมายหลักในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ ขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่า นอกจากสถานีตำรวจที่ท่านจะไปแจ้งความในคดีความต่างๆ แล้ว ท่านสามารถใช้ช่องทาง กมธ.ทั้ง 35 ในคณะที่ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการประพฤติมิชอบ หรือการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ในทุกๆ เรื่อง 
    เขาบอกว่า อำนาจและหน้าที่ของ กมธ.แต่ละคณะ จะคล้ายกับการทำงานของตำรวจและอัยการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง เช่น ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือมีเบาะแสเรื่องใด ก็สามารถร้องเรียนหรือส่งข้อมูลให้ตรงกับ กมธ.ทั้ง 35 คณะได้ที่รัฐสภา ส่วนการลงมติรับรอง กมธ.อย่างเป็นทางการในรัฐสภานั้น คาดว่าจะลงมติได้ทั้งหมดในวันพุธหรือพฤหัสบดีนี้ ก่อนปิดสมัยประชุม
    นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.หลักเมือง ถ.มาลัยแมน ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี ของนายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา โดยระบุว่า อุดมการณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนานั้นมีอุดมการณ์ตรงกัน คือการช่วยเหลือคนยากจนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และจุดหนึ่งยังเป็นเซ็นเตอร์ที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมที่จะรองรับประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั่วประเทศอยู่แล้ว
          ขณะเดียวกันได้ติดตามความคืบหน้าการเปิดศูนย์ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมภายในปั๊มดังกล่าว โดยระบุว่า ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเปิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนจนที่ไม่มีเงินและไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และมีความคล่องตัวเมื่อเทียบกับหน่วยงานราชการ มีความเชี่ยวชาญในด้านทำคดีต่างๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นคดีที่คนยากจนถูกรังแก โดยให้การบริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"