"หมอวรงค์" ยกเป็นความดีงามของรัฐธรรมนูญ ให้อุทธรณ์ในศาลฎีกานักการเมืองได้ และสิ้นสุดด้วยคุก "บุญทรง" เพิ่มเป็น 48 ปี เป็นอุทาหรณ์ทุกรัฐบาล หัวอย่าโกง ด้าน "ชูวิทย์" ผู้ชำนาญการคุกชี้ "บุญทรง" อาจติดจริงแค่ 11 ปี เชื่อจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก
หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเพิ่มโทษจำคุกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากเดิม 42 ปี เป็น 48 ปี และมีการเพิ่มโทษจำคุกจำเลยคนอื่นอีกหลายราย ในคดีทุจริตการระบายข้าวแบบจีทูจี สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีบทบาทสูงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อปี 2555 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคดีนี้ ให้ความเห็นว่า ถือว่าเป็นการสิ้นสุดคดีความทางอาญาของคดีดังกล่าว และเป็นความงดงามของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในคดีของนักการเมืองที่เปิดโอกาสทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยสามารถอุทธรณ์ได้ ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ไม่เปิดโอกาสให้อุทธรณ์
ส่วนกรณีมีผู้สร้างกระแสบิดเบือนว่าคดีทุจริตรับจำนำข้าวศาลยกฟ้องจำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่เป็นคดีที่แตกย่อย เช่น ในโกดังมีข้าวเหลือง มีนั่งร้านซุก เวียนเทียนข้าว คดีเหล่านี้มีโอกาสถูกยกฟ้อง เพราะว่าการทุจริตในระดับปฏิบัติเป็นการสมยอมร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งโรงสีผู้ส่งข้าว เซอร์เวเยอร์ที่ตรวจรับคุณภาพข้าว เจ้าของโกดัง และเจ้าหน้าที่รัฐประจำโกดัง ที่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน แน่นอนสำนวนคดีเหล่านี้จึงทำสำนวนอ่อนและถูกยกฟ้องได้ง่ายเพื่อให้ทุกฝ่ายรอด และคดีเหล่านี้ศาลฎีกานักการเมืองก็ไม่ได้เอามาเป็นความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นเรื่องระดับปฏิบัติ
นพ.วรงค์ระบุว่า ท้ายนี้อย่างน้อยคดีรับจำนำข้าว น่าจะเป็นอุทาหรณ์แก่ประชาชนคนไทยต่อนโยบายของรัฐบาล ที่ตั้งใจมาทุจริต เพราะนอกจากฝ่ายการเมืองทุจริต การทุจริตจะแพร่ระบาดไปทุกลำดับชั้น ยากแก่การป้องกันและเอาผิด เมื่อหัวตั้งใจมาโกง ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายโกงเพื่อสร้างความเป็นพวก แล้วประเทศจะเหลืออะไร
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ซึ่งติดคุกช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับนายบุญทรง เผยว่า ครั้งล่าสุดที่ตนเข้าคุกก็เจอนายบุญทรง ทักทายกัน แกบอกว่าทำเรื่องอุทธรณ์อยู่
"พี่บุญทรงที่ผมเจอในสภา กับที่เจอในคุกเหมือนเป็นคนละคนกัน ปัจจุบันแกอายุ 59 ปี วันนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษอีก 6 ปี รวมของเก่าเบ็ดเสร็จ 48 ปี และในอีก 11 ปีข้างหน้า พี่บุญทรงจะอายุครบ 70 ปี ก็อาจจะมีโอกาสเข้าเกณฑ์พักโทษคนแก่”
นายชูวิทย์เผยอีกว่า ในช่วงนาทีนี้ผู้ที่เจ็บปวดไม่ใช่แค่นายบุญทรง แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ต้องร่วมเจ็บปวดไปด้วย จะไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนที่ตั้งความหวังไว้กับอิสรภาพ แล้วหายวับไปกับตาทันทีที่สิ้นคำพิพากษา ต่อให้ใจแข็งปานใดก็ทำใจไม่ได้ ถึงจะปลงอย่างไรก็ปลงไม่ตก เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาสมานแผลความเจ็บปวดนี้ จึงขออนุญาตเตือนนักการเมืองมีบารมีสูงส่งบุญท่วมหัวได้เป็นรัฐมนตรี หันกลับมามองนายบุญทรงเป็นบทเรียน อย่าคิดว่ามีอำนาจวาสนาแล้วจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน
"บุญทรง"ไม่ใช่คนสุดท้าย
"วันที่พลาดเราก้าวเข้าคุกเพียงคนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยเราได้ โดยประสบการณ์อย่างผมที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ยังเชื่อว่าพี่บุญทรงจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก” นายชูวิทย์ระบุ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้เรียกร้องให้ฝ่ายค้านยื่นร้องต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อหยุดการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เพราะแจกเงินสะเปะสะปะจำนวนมาก ซึ่งไม่น่าจะตรงกับยุทธศาสตร์ชาติและรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้แจกเงินอีลุ่ยฉุยแฉก และยังไม่บอกที่มาของแหล่งเงินว่าเอามาจากไหน คุ้มค่าหรือไม่ อีกทั้งรัฐบาลยังบริหารเศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำกว่า 5% ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนด
ทั้งนี้ เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีแต่คนของรัฐบาล ซึ่งคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการกับฝั่งตรงข้ามเท่านั้น หากฝ่ายตรงข้ามชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการร่างรัฐธรรมนูญนี้ก็เพื่อจุดประสงค์เฉพาะ ไม่ได้ร่างมาเพื่อพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงควรต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพื่อให้ประเทศพัฒนาได้ และเชื่อว่าหากไม่แก้รัฐธรรมนูญก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
นายพิชัยกล่าวว่า เพราะรัฐธรรมนูญนี้ถูกเขียนมาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วย และ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะบอกว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดี รู้ยิ่งกว่ารู้ แต่ความจริงคือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เคยแสดงว่ามีความรู้ความสามารถทางด้านเศรษฐกิจเลย เช่น ขนาดน้ำท่วมชั่วคราวยังแนะให้ประชาชนเลี้ยงปลา เคยถูกสังคมตำหนิเพราะพูดแบบนี้ตั้งแต่น้ำท่วมคราวที่แล้ว แต่ก็ไม่เรียนรู้ หากเรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังคิดไม่ได้ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะรับมือเรื่องยากๆ โดยเฉพาะเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีของโลกได้อย่างไร
"โลกกำลังจะเผชิญปัญหาเศรษฐกิจอย่างมาก เช่น สงครามการค้าและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ดังนั้น ถ้าเปลี่ยน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ ก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้"
นายพิชัยกล่าวด้วยว่า การที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ไปแนะนำบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าให้ปรับเปลี่ยนตัวเอง มิเช่นนั้นจะตกยุค ก็อยากให้นายสมคิดได้พิจารณาตัวเองก่อนที่จะตักเตือนคนอื่น โดยอยากให้นายสมคิดได้เตือนตัวเอง และเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ให้รีบปรับเปลี่ยนตัวเองก่อน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้เสนอแนวทางอะไร และไม่ได้ดำเนินนโยบายใดที่จะปรับเปลี่ยนประเทศไทยไม่ให้ตกยุคเลย มีแต่แนวคิดเก่าๆ ที่หมดสมัยแล้วทั้งนั้น ขนาดเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่ในขณะนี้ นายสมคิดยังกลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังไปด้วยดี และ พล.อ.ประยุทธ์ก็พูดแต่แนวคิดผิดๆ และแนวทางเชยๆ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมมาโดยตลอด แต่ก็เปลี่ยนนายกฯ ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาล็อกไว้
ไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย
“ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนคิดว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งแล้ว แต่ความจริงคือประเทศไทยยังไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะรัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย และสื่อต่างประเทศก็เห็นเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ก่อนที่ประเทศไทยจะตกยุคไปมากกว่านี้” นายพิชัยกล่าว
จากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรมสานเสวนา "จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน" ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกกดดันโดยเจ้าหน้าที่รัฐ กระทั่งมหาวิทยาลัยแจ้งยกเลิกสถานที่จัดงานตามที่จองไว้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นกิจกรรมทางการเมือง และอีกหนึ่งเหตุผลคือฝนตกหนักทำให้หลังคารั่วซึมนั้น
ล่าสุด นายธนาธรได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางผู้จัดงานได้สถานที่แห่งใหม่แล้ว คือศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในเวลาเดิมคือตั้งแต่ 12.00-16.00 น. วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายนนี้
นายธนาธรกล่าวว่า กิจกรรมสานเสวนา หาฉันทานุมัติของสังคมเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น จัดมาแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรกที่ จ.เชียงใหม่, ครั้งที่ 2 ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 มีหัวข้อในการเสวนาคือ "รัฐธรรมนูญกับปากท้องประชาชน" เป็นการพูดคุยกันในเรื่องสำคัญอย่างปัญหาปากท้อง เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นธรรมเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ โดยวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมากมายมาพูดคุยกัน สำหรับเหตุผลที่ต้องย้ายสถานที่จากเดิมคือวิทยาลัยปกครองท้องถิ่น มข. มาเป็นที่ใหม่คือศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ซึ่งบริหารงานโดยเอกชนนั้น เนื่องจากสิทธิเสรีภาพประชาชนถูกคุกคาม เพราะมีกลุ่มคนบางกลุ่มไปกดดันมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีข้ออ้างยกเลิกการจัดงานตามที่ผู้จัดได้จองไว้
ด้านนายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า พี่น้องคนไทยที่รักทุกท่าน แผ่นดินนี้มืดมน แผ่นดินนี้ไร้ความยุติธรรม แผ่นดินนี้ถูกปล้นมานานแล้ว แผ่นดินนี้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ไม่มีอนาคตที่ดีต่อลูกหลานของเราแล้ว แผ่นดินนี้ถูกกดขี่ด้วยกฎเผด็จการโจรกบฏ แผ่นดินนี้ถูกปกครองด้วยเผด็จการทรราช
ในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ไม่เกี่ยวกับองค์กรใดๆ ขอร่วมอุดมการณ์กับผู้รักความเป็นธรรม ผู้รักความถูกต้อง รักประชาธิปไตย จะไปร่วมงาน ที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเหล่าผู้กล้า วันอาทิตย์นี้
พวกเรายังเชื่อมั่นว่า ในแผ่นดินนี้ ยังมีผู้รู้ ยังมีผู้กล้า ยังมีผู้เสียสละ ยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เพื่อประชาชน และประชาธิปไตย ยังมีผู้ไม่ยอมสยบต่อ เผด็จการทรราชอยู่ไม่น้อย
พวกเราอยากเห็นเหล่าวีรชนผู้กล้าอย่างท่าน ในบ่ายวันที่ 8 กันยายนนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเริ่มนับถอยหลัง ร่วมล้างมรดกบาปของเผด็จการทรราช ร่วมทวงคืนประชาธิปไตย ทวงคืนความถูกต้อง ความเป็นธรรม
ร่วมทวงคืนสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ และประชาธิปไตย เพื่อส่งต่อความถูกต้อง ความเป็นธรรม ความเสมอภาค สิทธิเสรีภาพ และอนาคตที่ดีแก่ลูกหลานของเราด้วยกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |