ศูนย์ต้านเฟกนิวส์ใกล้คลอดเต็มแก่!'รมว.ดีอี'ฝันเทียบชั้นสากลกวาดล้างข่าวปลอม


เพิ่มเพื่อน    

7 ก.ย.62 - นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอม (เฟกนิวส์ เซ็นเตอร์)ว่า ศูนย์ต้านข่าวปลอมจะเป็นรูปเป็นร่างในอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งจะเป็นศูนย์ที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น การรับรู้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงจะเร็วขึ้น เพราะในอดีตมีหลายขั้นตอนในการตรวจสอบ รวมถึงสามารถเช็คกับต้นสังกัดได้ว่า ข่าวที่เผยแพร่ออกมาไม่จริงเพราะอะไร และจะรีบขึ้นข่าวที่เป็นจริงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยตั้งเป้าใช้เวลาในการตรวจสอบจากศูนย์ต้านข่าวปลอมไปยังหน่วยงานต่างๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ตนเชื่อว่าข่าวเฟคนิวส์จะน้อยลง เพราะสามารถหยุดยั้งได้เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนที่จะตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมอย่างเป็นทางการ จะมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเฟคนิวส์เพื่อเป็นตัวอย่างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในทางกฎหมายเจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตลอด มีการติดตาม และบางครั้งมีการสอบสวนแล้วก็ปล่อยตัวไปไม่ได้เสนอเป็นข่าว ซึ่งบางส่วนมาจากต่างประเทศทำให้การปิดกั้นค่อนข้างลำบาก

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาจากการตรวจสอบพบเหตุอะไรที่เป็นเฟคนิวส์และมีความสุ่มเสี่ยงผิดมาตรา 112 บ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คนที่บังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้มีการดำเนินการอยู่ตลอด ซึ่งข้อความหรือเนื้อหาทางโซเชียมีเดียที่ไปกระทบสถาบัน หรือหน่วยงานอื่นๆ เราดำเนินการอย่างเคร่งครัด ทำกันทุกวัน เพียงแต่บางเรื่องอาจจะไม่มีการประชาสัมพันธ์

เมื่อถามว่า ข่าวปลอมที่พบมีจุดประสงค์เรื่องการเมืองบ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามี และใช้ตรงนี้ทำลายหรือให้เป็นปัญหาทางการเมือง เช่น การนำนโยบายของรัฐบาลไปบิดเบือนจนทำให้เกิดความเสียหาย แต่สุดท้ายเชื่อว่าอยู่ที่ประชาชน ถ้าเรายืนยันได้เร็วว่าเป็นข่าวปลอม ทุกคนก็จะเข้าใจว่าข่าวปลอมสามารถเกิดขึ้นได้ และตนยืนยันว่าการใช้ศูนย์ต้านข่าวปลอมเพื่อรังแกคนอื่นไม่มีแน่นอน เพราะคณะกรรมการในศูนย์ฯมาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากภาคสังคม และในอนาคตไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะต้องไม่มีใครใช้ศูนย์นี้ไปรังแกใครทางการเมือง ซึ่งตนจะพยายามทำให้คณะกรรมการมีความเข้มแข็ง เพื่อในอนาคตศูนย์นี้จะไม่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงดีอี

 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ กล่าวอีกว่า เรามีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือจากต้นทาง คือเอกชนที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ถ้าเราทำได้ดี มีความน่าเชื่อ และเขาเชื่อมั่นในมาตรฐานของเรา เขาก็สามารถที่จะลบและดำเนินการกับข่าวปลอมนั้นได้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมไปแล้ว 3-6 เดือน เราจะพยายามเดินไปสู่มาตรฐานที่เป็นสากล เพื่อที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล รวมถึงข่าวปลอมที่มักไปเอาข่าวเก่าในอดีตมาแชร์ใหม่ ซึ่งศูนย์นี้จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ทั้งนี้ที่ผ่านมา พบว่าข่าวปลอมที่ออกมาส่วนใหญ่ทำเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อเพิ่มยอดไลค์ ไม่ได้มีเจตนาอะไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"