7 ก.ย.62 - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
พลาดก้าวเดียว คุก 48 ปี
ก้าวแรกที่พี่บุญทรงลงจากรถไปฟังคำพิพากษา ไม่มีใครทราบเลยว่าศาลท่านจะตัดสินอย่างไร
แล้วไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไร ที่ผมมักต้องมาเจอคนรู้จักในคุก
ครั้งล่าสุดที่ผมเข้าคุกก็เจอพี่บุญทรง ทักทายกัน แกบอกผมว่าทำเรื่องอุทธรณ์อยู่
พี่บุญทรงที่ผมเจอในสภา กับที่เจอในคุกเหมือนเป็นคนละคนกัน
ปัจจุบันแกอายุ 59 ปี วันนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษอีก 6 ปี รวมของเก่าเบ็ดเสร็จ 48 ปี
สูตรอดีตคนคุกอย่างผม คุก 48 ปี ต้องติดอย่างน้อย 1 ใน 3 คือ 16 ปี นี่หมายถึงกรณีที่มีพระราชทานอภัยโทษด้วย ซึ่งปกติหากยิ่งติดคุกยาว ยิ่งมีโอกาสผ่านช่วงพระราชทานอภัยโทษมากขึ้น
ยกตัวอย่าง คนถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี ถึง 2 ปี เป็นระยะสั้น ก็อาจจะไม่มีพระราชทานอภัยโทษในช่วงนั้น แต่หากคนติด 5 ปี ถึง 10 ปีขึ้นไป ก็มีโอกาสที่จะมีพระราชทานอภัยโทษระหว่างติดมากขึ้น คนติดคุกจึงเฝ้ารอวโรกาสพิเศษนี้กันทุกคน
ในอีก 11 ปีข้างหน้า พี่บุญทรงจะอายุครบ 70 ปี ก็อาจจะมีโอกาสเข้าเกณฑ์ “พักโทษคนแก่”
ในช่วงนาทีนี้ ผู้ที่เจ็บปวดไม่ใช่แค่พี่บุญทรงเท่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ต้องร่วมเจ็บปวดไปด้วย
จะไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนที่ตั้งความหวังไว้กับอิสรภาพ แล้วมันหายวับไปกับตาทันทีที่สิ้นคำพิพากษา ต่อให้ใจแข็งปานใดก็ทำใจไม่ได้ ถึงจะปลงอย่างไรก็ปลงไม่ตก
เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาสมานแผลความเจ็บปวดนี้
ผมจึงขออนุญาตเตือนนักการเมืองที่กำลังกระดี๊กระด๊า มีบารมีสูงส่ง บุญท่วมหัว ได้เป็นรัฐมนตรี ให้ท่านหันกลับมามองพี่บุญทรงเป็นบทเรียน อย่าคิดว่ามีอำนาจวาสนาแล้วจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน
เพราะวันที่พลาด เราก้าวเข้าคุกเพียงคนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะช่วยเราได้
และโดยประสบการณ์อย่างผม ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากยังเชื่อว่า
พี่บุญทรงจะไม่ใช่รัฐมนตรีคนสุดท้ายที่เข้าคุก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |