6 ก.ย.62 -  ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการ และนางนิชา ธุวธรรม เข้าร่วมเป็นโจทก์ ฟ้องนายสุขเสก หรือเสก พลตื้อ อายุ 42 ปี อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนางพรกมล บัวฉัตรขาว หรือนางกนกพร ศิริพรรณาภิรัตน์ อายุ 50 ปี อดีตผู้ดำเนินรายการทีวีสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท เป็นจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงาน และข้อหาอื่นๆ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุน 

อัยการฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. 2552 - 20 พ.ค.2553 เกิดความคิดเห็นขัดแย้งทางการเมือง กลุ่ม นปช.ร่วมกันชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน กลุ่ม นปช.ตั้งเวทีบนถนนราชดำเนินและใกล้เคียง
แล้วเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2553 นายอภิสิทธิ์ นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. และออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนายการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่บริเวณแยกคอกวัว มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและจุดใกล้เคียง

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลากลางคืน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งของ ศอฉ. กระจายกำลังขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ โดยนายสุขเสก จำเลยที่ 1 กับพวก ร่วมกันมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารแบบเอ็ม 67 (ระเบิดลูกส้ม) รวม 6 ลูก อันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้ไม่ได้ โดยนางพรกมล หรือนางกนกพร จำเลยที่ 2 ได้กระทำการอันเป็นการช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนในการจัดหาลูกระเบิดและด้านการเงิน

ซึ่งการกระทำของนายสุขเสก จำเลยที่ 1 กับพวกที่ได้ร่วมกันขว้างระเบิด มีเจตนาฆ่าเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณด้านหน้า ร.ร.สตรีวิทยา จำนวน 2 ลูก โดยสะเก็ดระเบิดกระเด็นไปรอบทิศทางถูกอวัยวะสำคัญของเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.อ.(ต่อมายศพลเอก) ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ , ส.ท.ภูริวัฒณ์ ประพันธ์ , ส.ท.อนุพงศ์ เมืองอำพัน , ส.อ.อนุพนธ์ หอมมาลี และพลทหารสิงหา อ่อนทรง (ยศ-ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) ถึงแก่ความตาย และยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอีกหลายนาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวระหว่างพิจารณา เดินทางมาศาล ส่วนนางนิชาไม่มาศาล

วันนี้ฝ่ายอัยการโจทก์ขอนำเสนอพยานเบิกความเปิดคดีเกี่ยวกับเหตุผลในการใช้กำลังทหาร ที่มาของ ศอฉ. การจัดกำลังหารไปควบคุมฝูงชน การสืบสวนพยานที่เกิดเหตุระเบิดประกอบด้วย ทหาร 57 นายที่ได้รับบาดเจ็บ ประจักษ์พยานที่เป็นกลุ่มชาวบ้านที่เห็นจำเลยที่ 1ในระยะใกล้ชิด พยานปากพนักงานสอบสวนที่รวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งคณะแพทย์ ส่วนโจทก์ร่วมขอสืบพยานไม่มากรวมทั้งสิ้น 40 ปาก

ขณะที่ฝ่ายจำเลยขอนำสืบพยานเพื่อคัดค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับที่มาของการชุมนุมจนถูกรัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม พยานบอกเล่าที่ไม่เห็นเหตุการณ์แต่อยู่ห่างไกลจุดระเบิด พยานกลุ่มแพทย์ผู้ชันสูตรศพและตรวจที่เกิดเหตุ โดยฝ่ายจำเลยพยายามขอตัดพยานโจทก์ในส่วนที่ซ้ำซ้อน กับพวกที่เคยเบิกความในคดีดำที่ 2542/2553 หรือคดี นปช.ก่อการร้าย เพราะเคยเบิกความแล้วอาจให้เรียกสำนวนมาได้ กับพยานที่เป็น นปช.ถูกทหารจับไปขังที่ค่ายทหาร พบเห็นว่าจำเลยที่ 1 ถูกทำร้ายเพื่อให้การรับสารภาพเป็นต้น โดยจะสืบพยานจำเลยที่ 1 รวม 13 ปาก จำเลยที่ 2 ขอสืบ 5 ปาก ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 30 ก.ค. 2563