ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net "บิ๊กตู่" การันตีแล้วว่า 18 ก.ย.เจอกันแน่ที่สภาฯ ฝากไปถึงวิญญูชนทั้งหลายและคนที่ไม่ใช่ด้วย ฝ่ายค้านก็จะได้ฤกษ์ชิมลางซักฟอก ซ้อมย่อยอภิปรายไม่ไว้วางใจที่น่าจะยื่นแน่ในการประชุมสภาสามัญสมัยที่สอง 14 ชั่วโมงครึ่งน่าจะพอบอกเล่าถึงคุณภาพ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้บ้าง ก็ต้องรอดูว่าแค่น้ำท่วมทุ่ง หรือคับแก้วอย่างที่พยายามสร้างราคากัน ถึงแม้ที่ผ่านมา "บิ๊กตู่" จะย้ำมาตลอดว่าถวายสัตย์ฯ จบแล้ว สมบูรณ์แล้ว ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ก็ไม่แน่ว่าวันนั้นจะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่า ปมร้อนที่ลวกนายกฯ นับตั้งแต่วันที่ปิยบุตร แสงกนกกุล  เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จุดชนวนขึ้นในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่ 25 ก.ค. ก่อนจะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล ก็น่าจะจบลงพร้อมๆ กับการปิดสมัยประชุมสภาซะที

                ๐ "จากนี้ไปในคณะของนายกรัฐมนตรีจะไม่มีการใช้กล่องพาสติกอีก รวมถึงบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาจัดงานอีเวนต์ภายในทำเนียบรัฐบาลก็จะไม่ให้ใช้เช่นเดียวกัน เพราะการรณรงค์ลดละ เลิก การใช้พลาสติก ต้องเริ่มจากผู้นำ เพื่อเป็นตัวอย่าง ซึ่งหลังเหตุสูญเสียมาเรียม รัฐบาลได้ตระหนักเรื่องนี้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ขอโทษกับสังคม และขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเรื่องนี้ได้รายงานให้นายกฯ ทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ท้อหรือเสียกำลังใจในการทำงาน" งานนี้เล่นเอาโฆษกรัฐบาลเสียศูนย์ไปเหมือนกัน ยุค 4G ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดรามาได้หมด ในเมื่อ "ลุงตู่" เป็นนักการเมืองเต็มตัว ก็ต้องมีทั้งแฟนคลับ และแฟนขับ (ไล่) เป็นของคู่กัน ข่าวคราว "ลุงตู่" ลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านถูกน้ำท่วมที่พิษณุโลกและสุโขทัย ไม่ยักน่าสนใจเท่าข้าวราดผัดกะเพราไข่ดาวที่อยู่ในกล่องพลาสติก ทีแรก "อ.แหม่ม" ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ตั้งใจโชว์ความติดดินของลุงตู่ ประเดิมมื้อแรกระหว่างลงพื้นที่ด้วยอาหารง่ายๆ เมนูยอดฮิตของคนไทย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เฉพาะลุงตู่ที่กินแบบนี้ เพราะที่ผ่านมานายกฯ หลายคน อย่าง ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เวลาลงพื้นที่ก็พึ่งอาหารกล่องเมนูนี้เหมือนกัน ต่างที่ยุคนั้นโซเชียลยังไม่แรงเท่านี้ กระแสรักษ์โลก ไม่เอาพลาสติก ก็ยังไม่มา พอเจอนักวิชาการรักษ์โลกเมนต์โยงถึงมาเรียม ตูมเดียว กระแสตีกลับ สุดท้าย อ.แหม่มต้องแอ่นอกขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว พร้อมการันตีไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เรียกว่าต้อนรับโฆษกรัฐบาลเข้าสู่สังเวียนการเมืองเต็มตัว

                ๐ วันศุกร์นี้ นอกสภา จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน โดยชูแนวคิด “รวมพลัง..อาสาสู้โกง” มุ่งกระตุ้นคนไทยทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคการเมือง รวมพลังเป็นอาสาสู้โกง แต่ในสภาเริ่มโชยกลิ่นตุๆ แฉกันกลางสภาว่า มีกรรมาธิการบางคนในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) มีส่วนได้ส่วนเสียกับการต่อสัมปทาน ทำให้ตอบโต้กันดุเดือดก่อนยุติว่าเป็นแค่ข่าวลือ นี่ กมธ.วิสามัญยังกล่าวหาขนาดนี้ ยังไม่นับรวมถึง กมธ.สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร 35 คณะที่เวลานี้ยังเคลียร์กันไม่ได้ ที่ลงตัวมีแค่แบ่งโควตา เพื่อไทย 10 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 8 อนาคตใหม่ 6 ประชาธิปัตย์ 4 ภูมิใจไทย 4 เสรีรวมไทย 1 พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ส่วนเก้าอี้สุดท้าย พรรคที่เหลือต้องตกลงกันเอาเอง ถึงจะไม่ใช่แบ่งเค้กรัฐมนตรีเหมือนฝ่ายบริหาร แต่ก็มีเกรด A B C D ไม่ต่างกัน ทำให้ยังเป็นปัญหาว่าพรรคไหนจะได้โควตาคณะไหนไป ต้องรอประธานชวนเคาะวันศุกร์นี้ สุดท้ายถ้าตกลงด้วยวาจาไม่ได้ ต้องตัดสินด้วยวิธีสากล ก็คือจับสลาก หลังแต่ละพรรคฟาดฟันชิงเก้าอี้ กมธ.กันเสร็จสรรพแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวศึกขับเคี่ยวกันในพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่พลาดหวังจากการเป็นรัฐบาล เก้าอี้ประธาน กมธ.ก็ถือเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในฝ่ายนิติบัญญัติที่สามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ตลอดวาระของสภาเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีงบประมาณไม่น้อย 10 เก้าอี้ของเพื่อไทยที่จัดสรรกันให้ ส.ส.ภาคอีสาน 6 เหนือ 2 กลาง 1 กทม. 1 ก็เริ่มมีชื่อแพลมออกมาบ้าง อย่าง ไพจิต ศรีวรขาน รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.นครพนม, ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.มหาสารคาม, ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.น่าน, จิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคและ ส.ส.กทม.

ลี้คิมฮวง