อีกสิ่งน่าละอายในยุคทักษิณ


เพิ่มเพื่อน    

                ว่าจะไม่แล้วเชียว!

                สุดท้ายยังต้องเรื่อง "บิลลี่" ต่ออีกวัน

                คือว่า...."ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ข่าวแล้วดูสับสน เข้าข่ายเฟกนิวส์

                "การอุ้มนายบิลลี่ไปฆาตกรรมซ่อนเร้นอำพรางศพ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๗ เป็นกรณีหนึ่งที่ทำให้องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้นำเสนอรายงานเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ให้ประเทศไทยถูกขึ้นบัญชี เป็น ๑ ใน ๓๘ ประเทศ ที่มีพฤติกรรมน่าละอาย เนื่องจากมีการกระทำคุกคามเหยื่อที่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ด้วยการสังหาร ทรมาน จับกุมโดยพลการ ปฏิบัติการอย่างโหดร้าย                

                เรื่องนี้ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงเป็นที่น่าอับอาย จากการถูกประจานขององค์การสหประชาชาติ

                ขณะนี้ยังไม่มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่เกิดขึ้น ทำให้ไม่มีองค์กรน่าเชื่อถือที่จะอธิบายชี้แจงกับชาวโลก ความหวังที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่น่าละอายในปีนี้หรือในปีหน้า หรือแม้แต่ปีต่อๆ ไปเหลือน้อยเต็มที

                ตราบใดที่ประเทศไทยยังมีการกระทำอันทารุณโหดร้ายกับนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ดังเช่น กรณีบิลลี่"

                ตรวจสอบรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในไทยของยูเอ็น ปี ๒๕๖๑ ไม่ได้พูดถึงกรณีของ "บิลลี่" แต่อย่างใด

                จะมีใกล้เคียงก็คือ....

                ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชุมชนชาวลาหู่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐและการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาวลาหู่ วัย ๑๗ ปี ที่ถูกทหารยิงเสียชีวิต

                ขณะเดียวกัน ปี ๒๕๖๑ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของคดี "บิลลี่" ด้วยซ้ำ

                เป็นปีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีการหายตัวไปของ "บิลลี่" เป็นคดีพิเศษ

                เป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในยุคที่อธิบดีไม่ได้ชื่อ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ที่พรรคเพื่อไทยชื่นชอบ

                ทำไม "ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์" ถึงพยายามให้ข้อมูลเท็จโยงการตายของ "บิลลี่" ให้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งๆ ที่ "บิลลี่" ตาย ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

                ไม่ทำการบ้านหรือตั้งใจสร้างเฟกนิวส์

                มีการบ้านให้ "ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์" ต้องเอาไปคิด

                ลองกลับไปอ่านรายงานประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษชน ปี ๒๕๔๗-๒๕๕๐ โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

                เขาระบุเอาไว้แบบนี้

                "....แม้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ดูจะมีนโยบายที่ส่งสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนค่อนข้างกว้างขวางและเป็นรูปธรรม แต่ปรากฏในรายงานการประเมินสถานการณ์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ผ่านมาและในรายงานฉบับนี้ โดยเฉพาะในบทที่ ๒ และบทที่ ๓ พบว่า ในระหว่างที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง...."

                กรณีตากใบ การตายหมู่

                กรณีการจับกุมและการสังหารรายวัน

                ล้วนเป็นหัวข้อให้พรรคเพื่อไทยกลับไปศึกษาทั้งสิ้น ก่อนที่เอาแต่โทษคน

                ไม่เช่นนั้น พรรคเพื่อไทยนี่แหละ คือผู้มีพฤติกรรมน่าละอาย

                นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนเสียชีวิตและหายตัวไปตั้งแต่ปี ๒๕๔๒-๒๕๔๘ รวม ๒๑ คน และนับจากปี ๒๕๔๗ จนถึงกลางปี ๒๕๕๑ มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกสังหารและทำให้หายตัวไปทั้งสิ้น ๒ คน

                เฉพาะปี ๒๕๔๗ มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกสังหารและทำให้หายตัวไป ๔ คน คือ ทนายสมชาย นีละไพจิตร นายสุพล ศีริจันทร์ นายเจริญ วัดอักษร และนางพักตร์วิภา เฉลิมกลิ่น ปี ๒๕๔๘ พระสุพจน์ สุวโจ พระนักต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ถูกทำร้ายเสียชีวิตอย่างทารุณ

                นั่นคือรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในยุครัฐบาลทักษิณ

                น่าอายมั้ย "ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์".

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"