เมื่อวานผมเขียนถึงความเป็นไปได้ที่ "ปัญญาประดิษฐ์" หรือ Artificial Intelligence (AI) อาจมาทดแทนคนในหลายๆ อาชีพ สร้างปัญหาสำหรับสังคมได้ในหลายรูปแบบที่จะต้องมีการศึกษาและหาทางป้องกันโดยรีบด่วน
ผมเขียนถึงหนังสือ 21 Lessons for the 21st Century ที่เขียนโดย Yuval Noah Harari หรือ ยูวัล โนอาห์ แฮรารี ที่แปลเป็นไทยโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ และคุณธิดา จงนิรามัยสถิต ได้อย่างน่าสนใจ ตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนพูดถึงความสามารถของ AI ที่อาจจะเก่งกว่ามนุษย์ เช่นการขับรถ
"ตัวอย่างเช่น คนขับรถจำนวนมากไม่คุ้นเคยกับกฎจราจรที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และบ่อยครั้งพวกเขามักทำผิดกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากพาหนะแต่ละคันมีคนขับแต่ละคนแยกจากกัน เมื่อยานพาหนะสองคันเข้าใกล้ทางแยกในเวลาเดียวกัน คนขับก็อาจจะไม่เข้าใจเจตนาและสื่อสารผิดพลาดจนเกิดชนกันได้
ตรงกันข้ามรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถเชื่อมต่อกันกับคันอื่นๆ ได้ เมื่อพาหนะสองคันเข้าใกล้ทางแยกเดียวกัน พวกมันไม่ได้เป็นพาหนะที่แยกจากกันสองคันอย่างแท้จริง แต่พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมเดียวกัน โอกาสที่พวกมันจะสื่อสารผิดพลาดและชนกันจึงเกิดขึ้นได้น้อยกว่า และหากกระทรวงคมนาคมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนกฎจราจรบางอย่าง พาหนะที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติทั้งหมดก็จะปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่างง่ายดายในเวลาเดียวกัน และหากไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ในโปรแกรมเสียแล้ว พวกมันก็จะทำตามกฎจราจรใหม่ตรงตามตัวอักษรทีเดียว"
แฮรารียกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่องหมอกับยาและคนไข้ที่สะท้อนให้เห็นบทบาทของ AI ได้ชัดขึ้นอีกระดับหนึ่งว่า
"ในทำนองเดียวกัน หากองค์การอนามัยโลกจำแนกโรคใหม่ชนิดหนึ่งได้ หรือหากมีห้องปฏิบัติการสักแห่งหนึ่งผลิตยาใหม่ซักอย่างขึ้นมา ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการนี้ให้กับแพทย์ที่เป็นมนุษย์ทุกคนในโลก แต่ในทางตรงกันข้ามแม้เราจะมีแพทย์เอไอนับหมื่นล้านตัวในโลก โดยแต่ละตัวทำหน้าที่ติดตามข้อมูลสุขภาพของคนแต่ละคน เราก็ยังสามารถปรับปรุงข้อมูลให้กับแพทย์เอไอทั้งหมดได้ในเวลาเสี้ยววินาที และพวกมันยังสามารถสื่อสารกันเองเกี่ยวกับผลตอบสนองต่อโรคใหม่หรือยาใหม่ได้อีกด้วย
ข้อดีเกี่ยวกับความสามารถในการเชื่อมต่อและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยเหล่านี้มีศักยภาพมาก จนกระทั่งอย่างน้อยก็มีงานในรูปแบบหนึ่งที่สมเหตุสมผลที่จะทดแทนมนุษย์ทุกคนด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้ว่าหากพิจารณามนุษย์เป็นรายคนแล้วอาจจะมีบางคนที่ยังทำงานได้ดีกว่าหุ่นยนต์อยู่ก็ตาม..."
อ่านให้ดีจะเห็นว่า นักเขียนคนนี้กำลังบอกว่าคอมพิวเตอร์อาจสามารถ "ทดแทนมนุษย์ทุกคน" ได้และหากจะมีมนุษย์ที่บังเอิญเก่งกว่า AI ก็จะเป็นเพียงข้อยกเว้นเท่านั้น
เป็นไปได้ครับว่าหมอ AI อาจจะรักษาคนเป็นพันล้านได้ดีกว่าหมอมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทุกวันนี้ไม่ได้รับการรักษาใดๆ เลย
เขาเขียนว่า
"ต้องขอบคุณอัลกอริทึมที่เรียนรู้ได้เองและเซ็นเซอร์ไบโอเมทริก (biometric sensor) ที่จะทำให้คนในหมู่บ้านจนๆ ในประเทศด้อยพัฒนาได้รับการดูแลรักษาที่ดีขึ้นมากผ่านทางสมาร์ทโฟน หากแม้จะเทียบกับคนที่รวยที่สุดในโลกที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลในเมืองที่ก้าวหน้าที่สุดก็ตาม..."
จะเห็นได้ว่าคนเขียนเชื่อว่าท้ายที่สุด AI ก็จะมาทดแทนมนุษย์ได้ในหลายบทบาท
แล้วมนุษย์จะปรับตัวอย่างไร?
นี่คือคำถามที่เราต้องช่วยกันหาคำตอบให้ได้ในเร็ววัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |