เลขาฯ กพฐ.” แจงกรณี “ผอ.สามเสน” โผล่ ช่วยราชการ ตำแหน่ง รักษาการผอ.สตรีวัดระฆัง เผย สั่งยกเลิกคำสั่งแล้ว ชี้ เป็นอำนาจเขตพื้นที่ ในแง่กฎหมายไม่ผิด แต่เป็นการบริหารงานที่ไม่เหมาะ ส่วนผลสอบสวนวินัยร้ายแรง เป็นหน้าที่ของ ศธจ.กทม.

    นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 1 มีคำสั่งให้นายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสน ไปช่วยราชการตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง ว่า เรื่องนี้มีคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับทราบเรื่องนี้ตนจึงสั่งให้ยกเลิกคำสั่งช่วยราชการตำแหน่งรักษาการณ์ผอ.โรงเรียนสตรีวัดระฆังทันที ซึ่งขณะนี้ นายวิโรฒ ได้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ สมพ.เขต 1 เหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้หากมองถึงเรื่องอำนาจหน้าที่ของเขตพื้นที่ก็จะพบว่า เขตพื้นที่มีอำนาจเสนอให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ให้บุคคลไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งว่างในโรงเรียนต่างๆ แต่กรณีของนายวิโรฒเป็นกรณีพิเศษที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรงอยู่  แต่เมื่อ สพฐ.ทราบเรื่องก็ได้สั่งระงับคำสั่งดังกล่าวนั้นทันที  ส่วนผอ.สพม.เขต 1 จะมีความผิดหรือไม่หากมองในแง่ของกฎหมายไม่ผิด แต่ถือว่าเป็นการบริหารงานที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สพฐ.ยังไม่ทราบผลสรุปการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวิโรฒ แต่เป็นหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ที่ต้องรายงานมาที่สำนักงานปลัดศธ.

    ด้านนายกิตติ บุญเชิด ผอ.สพม.เขต 1 กล่าวว่า การมีคำสั่งย้ายนายวิโรฒไปปฎิบัติหน้าที่ผอ.โรงเรียนสตรัดระฆัง เนื่องจากนายวิโรฒได้ทำหนังสือขอไปปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอื่นหลังจากที่ถูกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ สพม.1 ซึ่งคณะกรรมการเขตพื้นที่ได้พิจารณาแล้ว และนายวิโรฒเองก็ไม่ได้ย้ายกลับไปปฎิบัติหน้าที่ผอ.โรงเรียนสามเสน จึงไม่น่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณีที่โดนสอบสวนวินัยร้ายแรงอยู่ ดังนั้นเขตพื้นที่จึงให้ไปปฎิบัติตามที่ร้องขอ ส่วนที่ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ สพฐ.รับทราบนั้น เพราะปกติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการภายในเขตพื้นที่ก็เป็นเรื่องภายในที่ไม่ต้องรายงานให้ทราบ แต่หลังจากที่ เลขาธิการ กพฐ.ทราบเรื่องและให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ทางเขตพื้นที่ก็ได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวทันที