3 ก.ย.62- นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ว่าเห็นข่าวหนี้ครัวเรือนสูงอย่างน่าเป็นห่วง สภาพัฒน์ให้ตัวเลขว่า ไตรมาสแรก ปี 2562 ไนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ที่ 1.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 % หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์ก็สูงขึ้น

เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งระบุว่าที่น่ากังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนคือสินเชื่อรายย่อยที่มียอดคงค้างรวม 4.65 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค อาทิ สินเชื่อบุคคล ยอดสินเชื่อคงค้าง 9.94 แสนล้านบาท และบัตรเครดิต 2.33 แสนล้านบาท รวมยอดสินเชื่อคงค้าง 2.31 ล้านล้านบาท

มีการวิเคราะห์ว่า หากเศรษฐกิจกำลังชะลอลงอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต ธปท.อาจมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคครัวเรือนมากขึ้น

ที่น่าแปลกก็คือในขณะองค์กรทางเศรษฐกิจทั้งธนาคารพาณิชย์ สภาพัฒน์และธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังวิตกเรื่องหนี้ครัวเรือนของไทยที่สูงขึ้นเรื่อยๆและกำลังคิดกันว่าจะหาทางเข้มงวดมากขึ้นได้อย่างไร รัฐบาลนี้กลับออกมาตรการทางเศรษฐกิจที่ซ้ำเติมปัญหานี้ทำให้แก้ยากและอาจจะเป็นปัญหาร้ายแรงในระยะยาวต่อไปด้วย

รัฐบาลนี้ไม่ค่อยพูดถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนว่าร้ายแรงอย่างไร ไม่พูดถึงการส่งเสริมการออมซึ่งกำลังมีความจำเป็นมากขึ้นเนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ซ้ำร้ายรัฐบาลนี้ยังยุยงส่งเสริมให้ผู้ที่มีรายได้ไม่มากหรือเป็นหนี้อยู่แล้วให้ใช้จ่ายกันมากๆ เที่ยวกันมากๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนคนยากจนซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นนั้น ก็มีแต่แจกเงินแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นครั้งเป็นคราวไป ไม่มีการวางระบบที่ยั่งยืนและไม่มีมาตรการที่จะทำให้คนยากจนสามารถทำมาหากินสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว

รัฐบาลนี้เอานายกฯที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาคุมนโยบายเศรษฐกิจ สิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำอยู่จึงสวนทางกับที่ฝ่ายต่างๆเป็นห่วงกันอยู่และสวนทางกับสิ่งที่ควรจะทำควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง.