‘ไพบูลย์’หนาว ‘พี่ศรี’ร้องกกต. ชี้พ้นสภาพส.ส.


เพิ่มเพื่อน    

 "ศรีสุวรรณ" จ่อร้อง กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ "ไพบูลย์" ขาดจากความเป็นส.ส.หรือไม่ ระบุเพื่อป้องกันพรรคอื่นยึดเป็นโมเดลยุบพรรค ชี้คะแนนเลือกตั้งเป็นของพรรคไม่ใช่ของปัจเจกจึงไม่สามารถโอนไปที่อื่นได้ "กกต." ตอบคำถามเพื่อไทยปม ส.ส.บริจาคเงินเดือนเข้าพรรคเกินสามพัน ไม่ถือเป็นการให้ทรัพย์สินแก่นิติบุคคลเพราะเป็นเงินบริจาคตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง

    เมื่อวันจันทร์ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า  ตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) เปิดเผยว่าได้ยื่นเรื่องขอเลิกกิจการพรรค ปชช.ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งต่อมาในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 26 ส.ค.62 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพพรรคการเมืองไปแล้วนั้น การเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปแม้จะเป็นไปตามข้อบังคับของพรรค ข้อ 122 แล้วประกอบ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ม.90 (1) และ ม.92 (7) แต่เนื่องจากสถานะของนายไพบูลย์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อหนึ่งเดียวของพรรค ปชช. ซึ่งได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาเพียงประมาณ 4.5 หมื่นคะแนน ซึ่งถือได้ว่าอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยพึงมีพึงได้รับเลือกตั้งของพรรคการเมืองตาม ม.91 และ ม.93 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.128 ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่มีเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 7.1 หมื่นคะแนน
    "ซึ่งหากคุณไพบูลย์จะไปสมัครอยู่พรรคการเมืองอื่นพร้อมกับตำแหน่ง ส.ส.ด้วยนั้นอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะพรรคต่างๆ ก็ล้วนมีรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้นๆ อยู่แล้ว และคะแนนเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นคะแนนรวมของพรรค ไม่ใช่ของคุณไพบูลย์ที่เป็นปัจเจกจึงไม่อาจโอนไปที่ไหนๆ ได้ ซึ่งต้องสิ้นสุดไปตามการเลิกพรรคการเมือง และต้องทำให้การคิดคะแนนเฉลี่ยของพรรคการเมืองทั้งหมดเปลี่ยนไปด้วย หรืออาจเปลี่ยนไปตามกรอบระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.94 ประกอบ ม.131 ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง 2561 ซึ่งสมาคมฯ สงสัยว่าสมาชิกภาพของคุณไพบูลย์น่าจะสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) และ (10) แล้วหรือไม่"
    นายศรีสุวรรณระบุว่าจะนำความไปร้องต่อ กกต.ให้ส่งประเด็นปัญหาดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลฎีกาวินิจฉัย ว่าสถานะความเป็น ส.ส.ในระบบปาร์ตี้ลิสต์เช่นนี้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่อย่างไร เพื่อมิให้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นโมเดลการยุบเลิกพรรคการเมืองอื่นๆ ในอนาคตที่อาจลอกเลียนแบบกันได้ อันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ต้องการลงคะแนนให้พรรคการเมืองไปทำงานตามนโยบายที่หาเสียง ไม่ใช่เลือกไปให้ไปยุบเลิกพรรคเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าโดยไม่เห็นหัวประชาชน โดยจะไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 4 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ 
     วันเดียวกัน สำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่หนังสือ กกต. กรณีตอบข้อสอบถามของพรรคเพื่อไทย ในประเด็นข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560  โดยที่ถามว่าการที่ ส.ส.ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคได้บริจาคเงินจากเงินเดือนในตำแหน่ง ส.ส.ให้พรรคเป็นรายเดือนทุกเดือน ซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 3,000 บาทต่อเดือนนั้น จะถือเป็นการให้เงินหรือทรัพย์สินแก่นิติบุคคลตามระเบียบ กกต.หรือไม่ ซึ่ง กกต.ตอบว่าไม่ถือว่าเป็นการให้เงินหรือทรัพย์สินแก่นิติบุคคล  เนื่องจากเป็นการบริจาคตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ส่วนที่ถามว่าในการบริจาคเงินของ ส.ส.นอกจากจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองเกี่ยวกับการบริจาคแล้ว พรรคต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีกหรือไม่อย่างไร ซึ่ง กกต.ตอบว่าพรรคต้องดำเนินการตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ข้อ  44-52 ด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบ กกต.เป็นหมวดที่กำหนดเกี่ยวกับการรับบริจาคของพรรคการเมือง อาทิ เมื่อมีการบริจาคให้ผู้รับบริจาคจัดทําบันทึกการรับบริจาคภายใน 30 วัน เมื่อพรรคการเมืองได้รับหลักฐานบันทึกการรับบริจาค ให้ออกใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับบริจาคทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ผู้บริจาคภายใน 7 วัน และให้พรรคการเมืองบันทึกการรับบริจาคไว้ในบัญชีแสดงรายรับจากการบริจาคของพรรคการเมืองให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน โดยต้องระบุชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของผู้บริจาค ตําแหน่งผู้รับบริจาค จํานวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เป็นต้น.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"