พายุโซนร้อนจ่อถล่ม53จว.


เพิ่มเพื่อน    

 "กรมอุตุฯ" เผย "ดีเปรสชัน" ระดับ 2 ทวีกำลังแรงขึ้นเป็น "พายุโซนร้อน" แล้ว เตือน 53  จังหวัดรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากช่วง 2-3 ก.ย.นี้ "ปภ." ระบุ 9 จังหวัดยังเผชิญวิกฤติน้ำท่วม "เฉลิมชัย" สั่งกรมชลฯ เร่งระบายน้ำ "ร้อยเอ็ด" อ.เสลภูมิน่าห่วง บ้านโนนสวรรค์ถูกน้ำล้อมกลายเป็นเกาะ กู้ภัยต้องนั่งเรือนำอาหาร-น้ำดื่มไปแจก "ลำปาง-เชียงใหม่" ดินสไลด์ขวางเส้นทาง

    เมื่อวันที่ 2 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 5 เรื่องพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีผลกระทบจนถึงวันที่ 4 ก.ย.62 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันนี้ (2 ก.ย.) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณใกล้เกาะไหหลำ ประเทศจีน อยู่ห่างประมาณ 260 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3  (พายุโซนร้อน) ในระยะต่อไป 
    ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำ ประเทศจีน และประเทศเวียดนามตอนบนควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย 
    โดยคาดว่าพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย.62 บริเวณที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด  อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ ได้แก่  จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
    ส่วนวันที่ 4 ก.ย.62 บริเวณที่มีฝนตกหนัก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
    สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3  เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนงดออกจากฝั่ง
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า อิทธิพลพายุโซนร้อนโพดุลประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.62 จนถึงวันที่ 2 ก.ย.62 เวลา 12.00 น. ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 26  จังหวัด รวม 82 อำเภอ 228 ตำบล 784 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,857 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 5 ราย (อุบลราชธานี พิจิตร พิษณุโลก อำนาจเจริญ ขอนแก่น) ผู้บาดเจ็บ 1 คน (ชัยภูมิ) ผู้สูญหาย 2 ราย (อำนาจเจริญ พิจิตร) 
9 จังหวัดยังเผชิญน้ำท่วม
    "ขณะนี้ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ มุกดาหาร ยโสธร ขอนแก่น อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด โดยอพยพประชาชน 621 คนในพื้นที่ 3 จังหวัด  คือ ขอนแก่น น่าน อำนาจเจริญ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมระดมวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ภัย รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกเครื่องส่งสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประภัย โดยแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น" อธิบดี ปภ.กล่าว
    ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้สั่งการทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ เตรียมพร้อมตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะกรมชลประทาน ทั้ง 17 สำนักงานชลประทานทั่วประเทศ รับมือพายุดีเปรสชันที่จะเข้าอีกลูกวันที่ 3 ก.ย.นี้ ส่งผลให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ 
    นอกจากนี้ยังสั่งให้เฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ ในส่วนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจากพายุโพดุลอยู่แล้วอาจจะเกิดอุทกภัยซ้ำได้ จึงสั่งกรมชลประทานเร่งนำเครื่องมือเครื่องจักรออกมาทั้งหมดเพื่อระบายน้ำท่วมให้ไวที่สุด พร้อมเปิดทางน้ำ สร้างทำนบกั้นน้ำไม่ให้ท่วมซ้ำพื้นที่ ป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนชาวบ้านให้ได้เร็วที่สุด โดยทิศทางของพายุลูกใหม่เห็นแนวพายุใกล้เคียงกับโพดุล เชื่อว่าความเสียหายน้อยกว่า แต่ระวังฝนตกซ้ำพื้นที่ที่มีน้ำท่วม 
    "เราน้อมนำพระราชกระแสในหลวง ที่ตรัสให้ทุกหน่วยงานดูแลราษฎรให้ดีที่สุด กลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว พวกเราน้อมรับมาปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ ได้เตรียมการเชิงรุกรองรับโดยไม่ได้ประมาท ผมไปตรวจภัยแล้ง จ.ขอนแก่น อุดรธานี ได้สั่งการเตรียมพร้อมทั้งแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยไว้ด้วย" รมว.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
    จ.ร้อยเอ็ด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.บึงเกลือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ยังคงวิกฤติอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีฝนตกตลอดคืนที่ผ่านมา ทำให้หลายจุดมีน้ำเข้าท่วมโดยเฉพาะใน อ.เสลภูมิ ซึ่งปกติมีระดับน้ำสูงอยู่แล้วก็ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และเป็นวงกว้างในหลายหมู่บ้าน ซึ่งบ้านน้ำจั้นน้อย ต.บึงเกลือ น้ำทะลักท่วมภายในหมู่บ้านส่งผลให้มีน้ำท่วมบางจุดสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านต้องเดินทางโดยใช้เรือ เช่นเดียวกับบ้านโนนสวรรค์ ต.บึงเกลือ น้ำท่วมทางเข้าหมู่บ้านจนไม่สามารถออกมาได้  เหมือนติดเกาะ ทำให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต้องใช้เรือแจกอาหารและน้ำดื่ม 
    ส่วนตัวเมืองร้อยเอ็ดมีน้ำท่วมขังบางจุด เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งถูกน้ำท่วมสูงกว่า 30-50  เซนติเมตร ต้องเร่งสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง และย้ายผู้ต้องขังซึ่งมีอยู่ 3,000 คนเศษไปฝากไว้กับเรือนจำจังหวัดใกล้เคียง 4 แห่ง
    จ.กาฬสินธุ์ นายไกรสร กองกลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ พร้อมนำกำลังทหารกองพันทหารม้าที่ 14 และ 21 กองพลทหารม้าที่ 3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อส. เจ้าหน้าที่ อป.พร. นักศึกษาวิชาทหารวิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์ และจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ จำนวนกว่า 300 คน ช่วยกันบรรจุทรายใส่กระสอบขนย้ายไปกั้นน้ำตามจุดต่างๆ ริมฝั่งแม่น้ำปาวซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมีฝนตกซ้ำลงมาในพื้นที่ ประกอบกับแม่น้ำชีหนุนสูง และอ่างเก็บน้ำห้วยสีทนยังคงระบาย ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายจุดระดับน้ำเริ่มล้นตลิ่ง ซึ่งเสี่ยงเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจของเมืองกาฬสินธุ์ 
    โดยจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุกทกภัยส่วนหน้า จ.กาฬสินธุ์ ที่วัดสว่างคงคา ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการและจุดรับการสนับสนุนกำลังพล การบริจาคสิ่งของ และเป็นที่พักอาศัยของผู้ประสบภัย พร้อมกับประกาศเตือนให้ประชาชนในเขตชุมชนเศรษฐกิจ และประชาชนที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำปาวและแม่น้ำชีขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและเตรียมอพยพไปอยู่สถานที่ปลอดภัย
ลำปาง-เชียงใหม่ดินสไลด์
    จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากมีพายุดีเปรสชันเหล่งเหลง ซึ่งเป็นพายุลูกใหม่เพิ่มเข้ามา ทำให้ตลอดทั้งวันในขอนแก่นมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายจุด ล่าสุดพบระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่เขตเทศบาลนครขอนแก่นและเขต ต.บ้านเป็ด โดยเฉพาะที่โรงเรียนการศึกษาพิเศษคนตาบอดขอนแก่นที่ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำเรือท้องแบนมาประจำการลำเลียงประชาชนและนักเรียน รวมไปถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบในจุดดังกล่าว
    นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หากฝนทิ้งช่วงไม่ตกลงมาภายใน 3 วัน คาดว่าระดับน้ำจะลดลงอย่างแน่นอน ดังนั้น ในขณะนี้การให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าจึงได้สั่งให้  ปภ.6 มาทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่บึงหนองโคตร ซึ่งพบว่ายังคงมีพื้นที่รับน้ำได้อีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จังหวัดขอฝากเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ติดกับลำน้ำ  ให้เร่งขนข้าวของขึ้นไปเก็บไว้บนที่สูงหรือที่ปลอดภัย หากมีน้ำท่วมก็ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าเพราะอาจเกิดไฟชอร์ตได้รับอันตรายถึงชีวิตได้
    จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำจากลำพังชู อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม และ อ.หนองสองห้อง  จ.ขอนแก่น ได้ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือนและถนนหลายสายเป็นวงกว้างในเขตพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ โดยเฉพาะบ้านนาแค, บ้านนาเหล็ก และบ้านกุดกั้ง ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ ถูกน้ำเข้าท่วมอย่างรวดเร็วจนทำให้ฝายกั้นน้ำหนองกุดกั้งแตก เบื้องต้นพบมีน้ำท่วมพื้นที่นาของเกษตรกร รวมทั้งสิ้น 11 หมู่บ้าน ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร และระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนและถนนหลายสายในพื้นที่ และมวลน้ำจะไหลหลากต่อไปยัง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ และ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
    จ.อำนาจเจริญ ตลอดช่วงคืนวันที่ 1 ก.ย.ถึงเวลา 12.00 น.วันที่ 2 ก.ย.ฝนยังคงตกหนักในหลายพื้นที่ของอำนาจเจริญ ทำให้น้ำท่วมถนนหลายสายในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ ซึ่งกำลังเริ่มจะคลี่คลายลง แต่กลับมีพายุเข้ามาอีกรอบ ทำให้น้ำท่วมถนน บ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตรซ้ำอีกครั้ง โดยมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะถนนอรุณประเสริฐ (อำนาจเจริญ-ยโสธร) สายหลักไปกรุงเทพฯ บริเวณทางโค้ง สะพานลำเซบาย ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องปิดการจราจร ห้ามรถยนต์ทุกชนิดผ่านเป็นวันที่ 2  และมีผู้ถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำเสียชีวิตอีก 1 ราย รวม 3 ราย และล่าสุดถนน ต.น้ำปลีก-หัวตะพาน-อุบลราชธานี น้ำลำห้วยเสียวไหลท่วมถนน รถผ่านไม่ได้จึงต้องปิดการจราจร ส่วนโรงเรียนมัธยมชานุมานวิทยาคมมีคำสั่งสั่งปิดเรียน 4 วันหนีน้ำท่วม โดยบนท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้มปกคลุมทั่วทั้งจังหวัดอำนาจเจริญ
    จ.ลำปาง เมื่อเวลา 15.00 น.ได้เกิดเหตุดินและก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่บนภูเขาและเนินเขาสไลด์ลงมาบนถนน บริเวณเนินเขากิ่วพระเจ้า ปิดทับเส้นทางจราจรถนนสายลำปาง-เด่นชัย ขาออก (ห่างจากสวนรุกขชาติพระบาทไปทางแยกผาลาดประมาณ 1 กม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปางได้จัดการจราจรโดยนำกรวยยางมาตั้งแสดงสัญลักษณ์และให้รถวิ่งสวนทาง (วิ่งทางเดียว) ในบริเวณดังกล่าว ส่วนก้อนหินดินและต้นไม้ที่ขวางถนนนั้นอยู่ระหว่างรอเครื่องจักรของกรมทางหลวงมาเคลียร์ แต่ด้วยขณะนี้ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะยังมีดินหินสไลด์ลงมาเพิ่มตลอดเวลา และในช่วงนี้ถนนในจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวขับขี่รถด้วยความระมัดระวังให้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัย
    จ.พิษณุโลก สถานการณ์น้ำท่วม อ.วังทอง ขณะนี้ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ผ่านโรงพยาบาลวังทอง-บ้านวังดินสอ ต.วังนกแอ่น รวมทั้งตลาดเทศบาลวังทอง ระดับน้ำลดลงคืนสู่สภาพปกติแล้ว แต่บริเวณเขาสมอแคลงยังมีน้ำท่วมเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร รถจักรยานยนต์ไม่สามารถผ่านได้  เจ้าหน้าที่ได้เข้าพื้นที่ติดตั้งป้ายเตือนพร้อมเร่งระบายรถออกเลี่ยงจุดน้ำท่วม โดยผู้ที่จะเดินทางเข้าตัวเมืองพิษณุโลกควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว และให้ไปใช้เส้นทางแม่ระกา-ดงพลวง ออกบึงพระแทน  นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำเข็กหรือแม่น้ำวังทองได้ไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ ต.วังพิกุล อ.วังทอง และเริ่มทะลักเข้าพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก-พิจิตร
    จ.ตราด นายกิตติพงษ์ หาญพล ปลัดเทศบาล ต.หาดเล็ก รักษาการนายกเทศบาล ต.หาดเล็ก และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย นายคมสรรค์ ศิริ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 และนายบุญยัง เครือวิเศษ สารวัตรกำนัน ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย และบันทึกประวัติเพื่อเสนอเรื่องให้ความช่วยเหลือจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตราด 
    ส่วนที่บ้านคลองมะขาม สะพานเชื่อมบ้านเรือนก็ขาดเช่นกัน และหมู่ที่ 5 บ้านหาดเล็กสะพานจอมพล ป.ได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงเพราะคลื่นยังรุนแรง และเมื่อน้ำขึ้นสูงความรุนแรงจะเพิ่มขึ้น ทำให้บ้านเรือนยังมีความเสี่ยงอยู่ ทั้งนี้เทศบาลจะดำเนินการช่วยเหลือในเบื้องต้นไปก่อน ส่วนการซ่อมแซมสะพานจะของบจาก อบจ.ตราดมาแก้ไข และในระยะยาวต้องมีการสร้างเขื่อนกันคลื่นขึ้น
    จ.เชียงใหม่ นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ ปภ.เชียงใหม่ ระบุถึงสถานการณ์น้ำท่วม ดินสไลด์ สะพานและ ถนนทรุดว่า เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับความเสียหายคือ อ.อมก๋อย ฮอด แม่แจ่ม สะเมิง จอมทอง และ อ.ฝาง  ส่วนมากเป็นน้ำในลำน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัย น้ำระบายไม่ทัน ล่าสุดเกิดที่ ต.แม่งอนและ ต.เวียง อ.ฝาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้มีเส้นทางเสี่ยงภัยที่ต้องแจ้งเตือนคือ เส้นทาง 1088 สายแม่สะเรียง ฮอด แม่แจ่ม แม่นาจร ขุนยวม ที่มีทั้งหินร่วง ดินสไลด์ และยังมีถนนทรุดลึกกว่า 1 เมตร ระยะกว่า 100 ม. รวมถึงเส้นทาง อ.ฝาง เส้นทางที่ไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มีหินร่วงและดินดอยสไลด์เป็นจุดๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"