ก็รู้สึกดีใจนะจ๊ะที่เห็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช แถลงนโยบายเกี่ยวกับการเดินหน้าการศึกษาไทยว่า.. จะไม่ทิ้งใคร??? ไว้ข้างหลัง
แต่คงต้องดูกันต่อไปว่า วิธีคิดและวิธีการ ..ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง..นั้น กระทรวงศึกษาธิการจะทำอย่างไร และสามารถทำให้เป็นจริงอย่างมีประสิทธิภาพ หรือแค่เป็นคำพูดฟังดูดี มีความดึงดูดใจเท่านั้น
ว่าด้วยการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น ต้องยกนิ้วให้กับระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ค่ะ ระบบการศึกษาของฟินแลนด์ ประเทศเล็กๆ ในทะเลบอลติกดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหนนั้น ก็คงจะสามารถค้นหาได้จากแวดวงการศึกษาและวิชาการนะคะ เพราะเขาถึงขั้น "ส่งออก" ในการวางแผนระบบการศึกษาไปยังประเทศทั่วโลกเลยทีเดียว
การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของฟินแลนด์คือ เขาปฏิบัติกับเด็กทุกคนในห้องเรียนอย่างเท่าเทียมกันค่ะ เขาไม่มีการแบ่งห้องอัจฉริยะ หรือ gifted แล้วก็ไม่มีการแบ่งห้องคิง ห้องควีน แบบระบบการศึกษาบ้านเราที่ตอนนี้กำลังเฟื่องฟูกันเสียเหลือเกิน แถมยังเป็นหน้าเป็นตาอีกต่างหาก เมื่อลูกของตัวเองได้เรียนแบบก้าวกระโดดที่เรียกว่า gifted
ตรงกันข้ามนะคะ เขาจะใส่ใจกับเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้ เรียนช้า หรือพวกเด็กหลังห้องค่ะ โดยคุณครูจะถามไถ่ปรึกษากับผู้ปกครองว่า ถ้าจะขอตัวเด็กไว้หลังเลิกเรียน หรือให้มาก่อนเวลาเรียนสัก 1 ชั่วโมงเพื่อสอนพิเศษให้กับพวกเขานั้น จะโอเค!! ไหม
เรียกว่า เด็กที่มีความรู้ความสามารถ หรือเด็กที่เรียนรู้ได้ปกติ เขาปล่อยให้ชีวิตเด็กๆ เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ แต่เขาจะหันมาเน้นสนใจเด็กที่เรียนได้ช้ากว่าคนอื่น เพื่อที่ทุกคนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ที่สำคัญต้องให้เด็กเต็มใจที่จะเรียนด้วย ไม่ใช่ไปบังคับขู่เข็ญหรือกดดัน
ฉะนั้น การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น ยังต้องตีความไหมคะ...สำหรับประเทศไทย
มันน่ากังวลว่าจะกลายเป็นนโยบายที่ขอให้ครู "ปล่อยผ่าน" คะแนนเด็กๆ โดยไม่คิดว่าการพัฒนาให้เด็กหลังห้องนั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง
ตั้งคำถามแบบนี้ก็เพราะว่ามนุษย์ป้าผ่านระบบการศึกษา แบบที่ว่า คนเรียนเก่งคุณครู "อัด" วิชาความรู้ให้อย่างเต็มที่เต็มใจ เพื่อจะได้เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนมาโดยตลอด นอกจากนั้นเมื่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน กลายเป็นระบบคนมีโอกาสในสังคม ก็จะมีโอกาสได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำสูงกว่าคนยากคนจน เพราะระบบการติวเฟื่องฟู คนรวยไม่จำเป็นต้องสนใจในห้องเรียน ก็หันไปท่องข้อสอบเอาก็ได้ เมื่อถึงเวลาสอบ
นโยบายการศึกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมในการเรื่องการเรียนดี คือคนเก่งคนสุดยอม ให้ได้เสียก่อนนะคะ และที่มองข้ามไม่ได้คือ ประสิทธิภาพของครูแต่ละโรงเรียนนั้นสำคัญค่ะ
รู้ไหมคะ อาชีพที่เข้ายากและเรียนยากที่สุดของฟินแลนด์คือ ครูค่ะ.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |