1 ก.ย.2562 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพร้อมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ชุมชนโรงสี เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้ย้ายมาอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังจากบ้านยังถูกน้ำท่วมขังสูง ไม่สามารถเข้าไปอาศัยในบ้านได้ ก่อนที่จะมอบอาหารและน้ำดื่มพร้อมถามความเป็นอยู่ ก่อนจะให้กำลังใจชาวบ้านที่ประสบภัยในครั้งนี้

สรุปเบื้องต้น อ.บ้านไผ่ ประสบภัยน้ำท่วมทั้งสิ้น 5 ตำบล มีผู้ประสบภัยกว่า 3,500 ครัวเรือน โดยพื้นที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ 13 ชุมชน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในวัน 1ก.ย.62  ทางเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น จะนำถุงยังชีพจำนวน 2,000 ชุด มาช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ โดยภาพรวมขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย น้ำลดระดับต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 31 ส.ค. 2562 ที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น หน้าโรงเรียนกรุณาศึกษา ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วนายรุจน์  รังษี นายอำเภอบ้านไผ่ และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตต์ ผกก.สภ.บ้านไผ่  ได้นำข้าวกล่องและนำดื่มมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ พร้อมประเมินสถานการณ์ในการให้ความช่วยเหลือ และวางแผนรับมือวันต่อวัน

โดยสถานการณ์ล่าสุดยังมีน้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังถือว่าทรงตัวและลดลง เนื่องจากในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่มีฝนตกลงมา ส่วนชาวบ้านที่อพยพต่างจับจองที่พักหลับนอนในค่ำคืนนี้ตามข้างทางริมฟุตบาท ข้างกำแพงวัด หลังรถกระบะ โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง คอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และในส่วนชาวบ้านที่ระดับน้ำลดลงสามารถเข้าอยู่ได้ต่างต้องอยู่ภายใต้แสงเทียนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

นางธิดารัตน์ แซ่เฮง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 810/10 ชุมชนโนนสะอาด หมู่ 5 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ครอบครัวได้รับความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา โดยที่ไม่สามารถนำทรัพย์สินใดๆภายในบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำติดตัวออกมาได้ เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงถึง 6 เมตร ถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบดีว่าจะเกิดน้ำท่วม ก็ได้มีการเตรียมตัว เก็บของแพ็กอย่างดีเพื่อจะอพยพนำข้าวของไปเก็บในที่ที่ปลอดภัย และของบางส่วนก็เก็บขึ้นที่สูง แต่เมื่อคืนที่มีน้ำท่วมมานั้น มาเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด โดยคืนนี้ก็จะนอนอยู่หลังรถกระบะไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติต่อไป

ขณะที่ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ขณะนี้ถือว่าทรงตัวและลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง  โดยระดับน้ำลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 4 เซนติเมตร โดยที่ขณะนี้มีประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 3,248 ครัวเรือน ประมาณกว่า 12,000 คน และทุกคนทราบดีในเรื่องของน้ำท่วมและมีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีแต่ปรากฏว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นแต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบัตรเจ็บหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต 

" เราได้ตรวจสอบทิศทางของน้ำในโซนเหนือคือบริเวณ อ.หนองสองห้อง ตามรายงานจากทางอำเภอยังไม่มีฝนตกลงมา ซึ่งก็ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะทำให้น้ำเพิ่มขึ้น และในพื้นที่ อ.บ้านไผ่เองในจุดที่มีน้ำท่วมและบริเวณโดยรอบก็ยังไม่มีฝนตกลงมาเช่นกัน คาดว่าในวันนี้จะยังไม่มีฝนตกลงมาเพราะสภาพท้องฟ้าเปิด และน้ำก็จะค่อยๆระบายออกจาก อ.บ้านไผ่ ซึ่งในขณะนี้ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชน หลังจากได้มีการย้ายอพยพประชาชนออกมาไว้ที่พักพิงชั่วคราว โดยทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ อส.เสริมกำลังในพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ เพื่อคอยช่วยเหลือสนับสนุนทางเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ส่วนในเรื่องของอาหารและน้ำดื่มถือว่าไม่มีความน่าเป็นห่วงได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนข้าวกล่องรวมทั้งจัดตั้งโรงทานทำอาหารให้กับผู้ประสบภัยได้รับประทานกันอย่างเต็มอิ่ม"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า การจราจรบนถนนมิตรภาพขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับทางจังหวัดแล้วยังไม่อนุญาตให้รถทุกชนิดสัญจรผ่านในจุดที่มีน้ำท่วมบริเวณสี่แยกเกียรติสินไปจนถึงสี่แยกบ้านเกิ้งระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรทั้ง 2 ฝั่งโดยเด็ดขาดซึ่งต้องขอความร่วมมือทางผู้ใช้รถให้ทำตามคำแนะนำของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเคร่งครัดเพราะมีบางคนคิดว่าขับผ่านได้ แต่น้ำเข้าท่อไอเสียทำให้รถเสียไปหลายคัน ซึ่งในส่วนของรถบรรทุกขนาดใหญ่นั้นทางเจ้าหน้าที่ก็เปิดทางให้สามารถสัญจรผ่านได้ เพียงชนิดเดียว

"ผมขอให้ประชาชนอดทนอีกสักนิดระดับน้ำก็ลดลงเรื่อยๆและจะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งจากการคาดการณ์สถานการณ์ระดับน้ำในพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ที่ท่วมอยู่ในขณะนี้หากไม่มีฝนตกและไม่มีน้ำมาเติมกาวคาดว่าภายในไม่เกิน 3 วันก็จะลดลงและไหลลงสู่แก่งละว้า ตามทิศทางของน้ำ เมื่อระดับน้ำลดลงทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะเข้าไปสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอนต่อไป"