จ่อตั้งหน่วยใหม่ คุม'บัตรคนจน' ลุยแก้ปัญหาหนี้


เพิ่มเพื่อน    


    “อุตตม” เล็งผุดหน่วยงานใหม่ขึ้นมาดูแลเรื่องบัตรคนจนโดยเฉพาะ หวังปรับโฉมสวัสดิการครั้งใหญ่ให้เฉพาะเจาะจง ในการจดทะเบียนรอบใหม่ มีทั้งแก้หนี้-ค่ารักษาพยาบาล บัญชีกลางแจงไม่ต้องรีบกดเงิน ออมได้ไม่ทวงคืน
    เมื่อวันศุกร์ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ศึกษาการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมารับผิดชอบการจัดสวัสดิการให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อรองรับการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยในรอบใหม่ภายในสิ้นปี 2562 พร้อมทั้งยังให้ตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ถือบัตรเข้ามารวบรวมเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) เข้าไปใส่ระบบบล็อกเชน โดยใช้เทคโนโลยีเอไอมาวิเคราะห์ว่าใครจนจริงไม่จริง เพื่อให้สามารถจัดชุดสวัสดิการที่ตรงจุดเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
     “จากการเก็บข้อมูลบิ๊กดาต้าที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน จะทราบว่าแต่ละรายมีภาระหนี้เป็นอย่างไร และเป็นหนี้นอกระบบอยู่เท่าใด ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ในกลุ่มผู้ถือบัตรเป็นหนี้ในระบบกว่า 2.97 หมื่นราย ส่วนที่เหลือยังมีหนี้นอกระบบอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมีข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว ความช่วยเหลือบัตรคนจนรอบต่อไปก็ต้องมีมาตรการเสริมเข้าไปดูแล ช่วยการบริหารจัดการหนี้  โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ที่มีสัดส่วนหนี้ต่อรายได้สูงกว่า 70-80% ส่วนกลุ่มที่มีภาระหนี้ต่ำกว่าก็ต้องจัดหาองค์ความรู้ พัฒนาอาชีพให้” นายอุตตมกล่าว
    รมว.การคลังกล่าวอีกว่า ข้อมูลบิ๊กดาต้ายังมีประวัติการใช้จ่ายผ่านระบบอีเพย์เมนต์ว่าส่วนใหญ่มีการใช้ซื้อสินค้าประเภทใด และในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ รวมถึงการรักษาพยาบาล เนื่องจากกลุ่มที่ถือบัตรใช้ในการรักษาพยาบาล 12,960 ล้านบาทต่อเดือน โดยรูปแบบสวัสดิการรอบใหม่ยืนยันว่าจะเป็นการจัดชุดที่มีความแตกต่างกันตามความต้องการ หรือเติมความขาดแคลน ซึ่งยังไม่ได้สรุปชัดว่าจะมีสวัสดิการรูปแบบใด และใช้ประมาณเท่าใด และยังไม่ได้มีการสรุปว่าจะให้สวัสดิการเป็นรายบุคคลหรือแบบครัวเรือน
     “ให้แนวทางไปว่า ต้องพัฒนาโครงข่ายที่ได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้จริงจังและถูกจุดมากขึ้น ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจไม่ตรงจุดบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็แก้ไขโดยการใช้เครือข่ายลงพื้นที่ ดูแลเรื่องบัตรสวัสดิการควบคู่ไปกับอีเพย์เมนต์” นายอุตตมกล่าว
    นายอุตตมยอมรับว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องการลดจำนวนผู้มาลงทะเบียนบัตรคนจนรอบ 2 ให้ลดลงจากครั้งแรกที่ประมาณ 14.5 ล้านคน แม้ว่าต้องการคัดกรองผู้ที่จนจริงออกไป แต่การให้สวัสดิการพื้นฐานก็เป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นคงไม่สามารถบอกได้ว่าการลงทะเบียนรอบสองจะมากหรือน้อยกว่ารอบแรก เป็นเรื่องที่พูดลำบาก แต่ถ้าให้สวัสดิการไปแล้ว จะสามารถหลุดพ้นจากความยากจนหรือไม่ต้องมาดู
    น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางเตรียมโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีมันนี) ในเดือน ก.ย.2562 ไว้พร้อมแล้ว โดยเฉพาะมาตรการพยุงการบริโภคสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น จะเริ่มโอนเงินในวันที่ 6 ก.ย.2562 สำหรับผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 31, 33, 3, 38 และ 39 และวันที่ 7 ก.ย.2562 สำหรับผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 32, 34, 35 และ 36 ขณะที่วันที่ 8 ก.ย.2562 จะโอนเงินให้ผู้มีสิทธิที่มีเลขบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 1, 2, 4, 5 และ 8
    สำหรับมาตรการมอบเงินช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาทต่อคนต่อเดือน และมาตรการช่วยเหลือการเลี้ยงบุตรสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 300 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น จะโอนเงินในวันที่ 9 ก.ย.2562 ซึ่งกรมได้ประสานให้ธนาคารกรุงไทย กำกับดูแลเรื่องการเติมเงินในตู้ ATM เป็นกรณีพิเศษ ทั้งการเติมธนบัตรใบละ 100 บาท และ 500 บาท โดยเพิ่มรอบการเติมเงิน เพื่อมิให้เกิดผลกระทบกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนทั่วไป
    “ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทราบโดยทั่วกันว่า เงินในกระเป๋าอีมันนีไม่จำกัดเวลาใช้จ่ายสามารถถอนวันใดก็ได้ หรือใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่รับชำระเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีซีดี) และโมบายแอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ หรือร้านค้าทั่วไปที่รับชำระเงินผ่านเครื่องอีซีดีแบบพร้อมการ์ด หรือสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อจำเป็น สะสมไว้เป็นเงินออมในบัตรได้” น.ส.สุทธิรัตน์กล่าว
    ก่อนหน้านี้ กรมบัญชีกลางได้โอนเงินเข้าอีมันนีในเดือน ส.ค.2562 เรียบร้อยแล้ว คิดเป็นวงเงินกว่า 9 พันล้านบาท หลังพบว่าในช่วงวันที่ 21-25 ส.ค.2562 มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม 9.5 ล้านครั้ง จำนวนเงินกว่า 5 พันล้านบาท (เฉลี่ย 500-600 บาทต่อครั้ง) ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 23 ส.ค.2562 เงินในตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทยในบางพื้นที่ธนบัตรใบละ 100 บาท และ 500 บาทไม่เพียงพอต่อความต้องการ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"