ปลงแล้ว!แม่เฒ่าถูกโจรทุบหัวชิงทอง ไม่หวังได้คืน เชื่อเป็นหนี้ชาติก่อน


เพิ่มเพื่อน    

7 มี.ค.61-  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุคนร้ายสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ก่อเหตุทำร้ายร่างกายทุบศีรษะ  นางมา เกษมสุข แม่เฒ่าที่พิการวัย 84 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 6 ซอยเทศบาล6/1  ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม  บริเวณซอยหน้าบ้าน  ช่วงเช้ามืดวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะยายผู้เสียหายตื่นขึ้นมาปั่นจักรยานสามล้อถีบ ซึ่งใช้สำหรับผู้พิการ เพื่อออกกำลังกายรอไปทำบุญที่วัด ก่อนจะชิงเอาทองรูปพรรณ รวมน้ำหนัก 7 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองหลวงพ่อคูณ ที่ใส่เก็บไว้ในกระปุกยา และเงินสดที่พกติดตัวใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ อีกจำนวน 61,000 บาท  หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนีไปอย่างลอยนวล  ภายหลังเกิดเหตุลูกชายได้พาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ศรีสงคราม  ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี

    คดีนี้ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย  พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สืบสวนนครพนม  พ.ต.อ.กิตติศักดิ์  ศรีจันทร์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม  ได้ระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน สอบสวนพยานเพิ่มเติม เบื้องต้นมุ่งประเด็นผู้ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ และอาจจะเป็นบุคคลใกล้ชิดกับคุณยาย เพราะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายมาเป็นอย่างดี  โดยเฝ้าติดตามสะกดรอยตามเพื่อวางแผนก่อนก่อเหตุ  และฉวยโอกาสเหมาะที่ปลอดคน หลังเกิดเหตุตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 ราย  มาสอบสวนตรวจดีเอ็นเอ เก็บหลักฐาน เพื่อนำไปเทียบกับทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่เก็บได้ในจุดเกิดเหตุ และตามร่างกายผู้เสียหาย  ซึ่งต้องรอผลการตรวจพิสูจน์

    ล่าสุด นางมา ได้ออกมาเปิดเผยครั้งว่า  ประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตนประกอบอาชีพค้าขายของอยู่ในตลาด ครั้นสามีล้มป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา  จึงให้โอนกิจการให้ลูกชาย ลูกสาว รับไปดำเนินการแทน เพราะสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ช่วงกลางวันพวกลูกๆจะออกไปทำงานขายของตลาด กิจวัตรประจำวันของคนไม้ใกล้ฝั่ง จะตื่นนอนประมาณ ตี 4 –ตี 5  เพื่อนึ่งข้าว เตรียมอาหารนำไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน โดยจะปั่นรถจักรยานสามล้อแบบคนพิการ เนื่องจากป่วยเป็นโรคปวดเข่าไม่สามารถเดินเหินได้สะดวก แต่ยังพอมีแรงปั่นรถถีบได้

    วันเกิดเหตุ(2 มี.ค.61) ตื่นมาประมาณตี 5  หุงหาอาหารเพื่อรอไปทำบุญที่วัด แต่เพื่อนบ้านข้างเคียงยังไม่มีใครตื่น  จึงปั่นรถสามล้อออกกำลังกายฆ่าเวลา ถีบวนไปมาระหว่างบ้านกับปากซอย ขณะนั้นมีชายร่างสูงใหญ่ สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เดินอ้อมมาทางด้านหลัง พยายามล้วงเอากระเป๋าเงินที่ซ่อนไว้ในชายเสื้อ  ทีแรกนึกว่ามีคนมาแกล้งหยอก แต่คนร้ายกระซิบข้างหูอย่าโวยวาย ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ด้วยความตกใจ จึงไม่กล้าร้องให้คนมาช่วย จากนั้นคนร้ายใช้ของแข็งทุบศีรษะจนร่างร่วงลงกับพื้นถนนหมดสติ  

    พอรู้สึกตัวพบว่ากระเป๋าเงิน และกล่องทองรูปพรรณหนัก 7 บาท เงินสดอีก 61,000 บาท ที่สะสมไว้หลายปีอันตธานหายไป จึงช่วยตัวเองขึ้นรถไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้โทรเรียกลูกชาย พาไปหาหมอ ซึ่งศีรษะบวมปูดเพราะถูกตี  ก่อนไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ

    เมื่อมีคนสอบถามว่าทำไมถึงพกเงินพกทองไปไหนมาไหนด้วย นางมากล่าวว่า ไม่ชอบเก็บไว้ของมีค่าไว้ที่บ้านเพราะไม่มีคนอยู่ กลัวพวกหัวขโมยขึ้นบ้านจึงพกติดตัวไว้ตลอด  และที่น่าแปลกใจว่าคนร้ายรู้ได้อย่างไรว่ามีเงินมีทองอยู่กับตัว ขนาดลูกชายลูกสาวยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย  ส่วนเงินที่มีเกือบหนึ่งแสนนั้นสะสมจากเงินผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาท และเบี้ยคนพิการอีก 800 บาท รวมเดือนละ 1,600 บาท ลูกหลานให้สมทบอีกจึงเก็บสะสมมาไว้ทำบุญ  เชื่อว่าคนร้ายต้องเป็นคนในพื้นที่ที่เคยเห็นตนเก็บเงินใส่กระเป๋า และรู้การเคลื่อนไหวว่าจะต้องออกจากบ้านเวลาใด หลังเกิดเหตุทำใจแล้วไม่คิดจะได้คืน ถือว่าทำบุญทำทาน 
    
    “ยายคงเป็นหนี้เขาชาติที่แล้ว  ไม่กังวลใจ ไม่เครียด ไม่ตายหาใหม่ ทำบุญมากกว่านี้ยังเคยทำ  แต่อยากให้ตำรวจจับตัวมาลงโทษให้ได้ จะได้ไม่ไปทำกับใครอีก ส่วนเงินทอง ไม่ได้คืนไม่เป็นไร  ขอให้คนทำชั่วรับกรรมไป ทุกวันนี้ยังใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิม ว่างก็อ่านหนังสือธรรมะ ฟังวิทยุ ออกกำลังกายเช่นเคย” นางมาแม่เฒ่าผู้เคราะห์ร้ายกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"