30 ส.ค. 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ระหว่างคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว(ZAEZ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) ว่าการร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการสร้างประโยชน์ร่วมกันมหาศาล โดยเฉพาะการเชื่อมโยงด้านการค้า การขนส่ง และการลงทุน โดยไทยจะมีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนและส่งผ่านไปสู่สหภาพยุโรป(อียู) โดยจะอาศัยพันธสัญญาของจีนที่มีกับอียู ในการขนส่งสินค้าระหว่างกัน โดยทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการร่วมมือที่ดี ซึ่งเบื้องต้นได้สั่งการให้นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. เร่งทำการเชื่อมโยงให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
“เราจะอาศัยจะต้องอาศัยจังหวะนี้ในการทำให้สินค้าไทยสามารถขยายตลาดไปยังอียูได้ ขณะที่ความร่วมมือดังกล่าวนอกจากจะเพื่อจะเชื่อมโยงการค้าแล้ว เรายังอาศัยความเชี่ยวชาญของจีนมาทำให้เกิดประโยชน์ เนื่องจากโมเดลของเจิ้งโจวเป็นรูปแบบที่ดีมาก ที่จะนำมาพัฒนาเมืองการบินของไทย ทั้งนี้ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรก็มั่นใจว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะไม่กระทบ เนื่องจากเป็นการวางรากฐานระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้น ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมทำงานกันเพื่อนำไปสู่ผลดีที่งาม และต้องการให้ประเทศไทยมีส่วนร่วมในฐานะศูนย์กลางอาเซียน”นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ในเดือนต.ค.นี้ ได้เตรียมคณะเดินทางไปเยือนจีน ในมณฑลกวางตุ้ง เซินเจิ้น และฮ่องกง เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจตอนล่างของจีนมายังอาเซียนโดยผ่านไทย ทำให้ระบบโลจิสติกส์ครอบคลุมทั้งระบบราง ทางบก ทางเรือ การบิน เชื่อมจากจีนลงสู่อาเซียน นอกจากนี้จะเดินทางไปยังเซี้ยงไฮ้ด้วย
นายคณิศ กล่าวว่า ไทยตั้งเป้าหมายให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นมหานครการบินอาเชียน เพราะมีเป้าหมายพัฒนาเมืองการบิน 400 ตารางกิโลเมตรใน 3 จังหวัดอีอีซี เท่ากับพื้นที่ของ ZAEZ ที่มีโอเดลในการพัฒนาเมืองรอบสนามบิน และก้าวหน้านำไทยไปแล้ว 5 ปี สำหรับเอ็มโอยู ระหว่าง สกพอ. และ ZAEZ มีขอบเขตความร่วมมือ ที่สำคัญ ได้แก่ 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ ในการพัฒนามหานครการบิน ด้านต่างๆ อาทิ การวางผังศูนย์กลางการบินและการเชื่อมโยง กลยุทธ์การคัดเลือกอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและงานวิจัย เป็นต้น
2.การส่งเสริมการลงทุน และการจัดทำระบบการค้าออนไลน์(อี-คอมเมิร์ซ) ในพื้นที่ อีอีซี และ ZAEZ 3.การส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านการบินครบวงจรรวมถึงการใช้คลังสินค้า(คาร์โก้)ระหว่างกันเพื่อสามารถเปิดช่องทางการส่งออกสินค้าไทย และ 4.การสนับสนุนความร่วมมือและการพัฒนาในโครงการอื่น ๆ และร่วมกันพัฒนาบุคลากรให้เกิดความรู้ความเข้าใจ
“มหานครการบินเจิ้งโจวถือว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของประเทศจีน แต่ละปีจะมีของเข้าออกสนามบินและคาร์โก้ กว่า 515,000 ตัน คิดเป็น 60% ของสินค้าทั้งหมดในประเทศ โดยไทยจะใช้จุดนี้ในการขยายตลาดสินค้าไทย และคาดว่าภายใน 3 เดือนนี้ทำแผนการเรียบร้อย และเริ่มจะเห็นความร่วมมืออย่างชัดเจนภายใน 6 เดือนข้างหน้า”นายคณิศ กล่าว
นายหม่า เจี้ยน ผู้อำนวยการเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว (ZAEZ) กล่าวว่า พร้อมร่วมมือกับไทยในการพัฒนาเขตอีอีซี โดยเฉพาะมหานครการบินภาคตะวันออก หลังจากเปิดให้บริการสนามบินมาได้ 3 ปี มีผู้โดยสารเดินทาง 25 ล้านคน และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น เมื่อเชื่อมโยงกับไทยจะช่วยกระจายสินค้าไปยังจีนทั่วประเทศ จึงพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |