30 ส.ค. 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเดินทางมอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมการขนส่งทางบกและหัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับทราบนโยบายและแนวปฏิบัติของกระทรวงคมนาคมที่จะขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะทั้งรถตู้และรถทั่วไปตามมาตรการตรวจความพร้อมคนขับ สภาพรถ และความพร้อมบริการอื่น ๆ ซึ่งโครงการนี้จะดีเดย์วันที่ 2 กันยายนนี้ รวมถึงมาตรการ checking point (ตรวจความพร้อมผู้ประกอบการรถโดยสาร)ทุก 90 กิโลเมตร(กม.) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเริ่มในวันที่ 16 กันยายนนี้ 

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าได้ทำความเข้าใจกับหัวหน้าสำนักงานขนส่งทั่วประเทศถึงการเตรียมความพร้อมจำนวนเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ และนำนโยบายไปหารือผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะมาตรการ checking point ซึ่งจะมีการตั้งจุดตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารไม่ว่าการเปิดใช้จีพีเอสขณะขับขี่ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ ตรวจสภาพตัวรถ และอุปกรณ์นิรภัยต่าง ๆ ของผู้โดยสาร

สำหรับมาตรการ checking point จะใช้เวลาต่อคัน 10 นาที และจะไม่ใช้พื้นที่ริมถนนให้เกิดปัญหาจราจร และจะขยายผลมาตรการนี้ไปยังรถบรรทุกสิบล้อ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมแผนรายละเอียดก่อนประกาศใช้ต่อไป โดยได้กำชับให้กรมฯ ตรวจเข้มข้นเรื่องของมาตรการ 3เรื่อง ประกอบด้วย พนักงานขับรถ รถโดยสารที่ให้บริการจุด checking point โดยจะต้องมีการสอบตรวจเรื่องความเร็ว ตรวจสอบเรื่องความพร้อมของพนักงานขับรถ รวมถึงจะเปิดให้ผู้โดยสารแสดงความคิดเห็น หรือร้องเรียน

“การตรวจจุดchecking point นั้น จะเป็นตรงสอบความพร้อมการให้บริการ อุปกรณ์ที่ให้บริการ ว่าพร้อมหรือไม่   ก่อนหน้านี้ได้มอบนโยบายเรื่องของการตั้งจุดตรวจว่าจะต้องไม่อยู่บนถนน เพื่อไม่ให้การจราจรติดขัด โดยจะตรวจทุกๆ 90 กม. มาตรการทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ”นายศักดิ์สยาม กล่าว

นอกจากนี้จะมีการประสานงานเพื่อหาผู้ที่มีจิตอาสาในการปฎิบัติงานดังกล่าวด้วย ในการแสดงความเห็นของผู้ใช้บริการนั้น อาจจะเป็นรูปแบบผ่านโซเชี่ยล หรือใบสอบถามความเห็นที่จะต้องมีบนรถโดยสารทุกคัน สำหรับเวลาในการตรวจเช็คความพร้อมดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 10นาที โดยจะมีการวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานขับรถ โดยการตรวจคนและรถโดยสารจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 2 ก.ย.62 เป็นการสุ่มตรวจตัวอย่าง 10% และใน3เดือน จะต้องได้ 100%

สำหรับการกำหนดจุดตรวจจะใช้ระยะเวลา 2สัปดาห์ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ จะขยายผลการปฏิบัติดังกล่าวไปสู่การให้บริการของรถบรรทุกสินค้าด้วย ส่วนการให้บริการเรื่องความเร็วของรถโดยสารสาธารณะยืนยันว่าจะกำหนดได้ที่ 90 กม.ต่อชม.โดยมาตรการดังกล่าว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน หากตรวจสอบแล้วพบว่ารถโดยสารที่ให้บริการไม่ผ่านมาตรฐานการตรวจก็จะสั่งหยุดให้บริการทันที โดยผู้ประกอบการจะต้องมีรถโดยสารสำรองเพื่อบริการกับประชาชน นอกจากนี้ จะมีการสุ่มตรวจสารเสพติดกับพนักงานขับรถด้วย หากพบการกระผิดก็จะมีบทลงโทษขั้นเด็ดขาด