"วิษณุ" ชี้ช่องเปิดเซ็นทรัล วิลเลจ  31 ส.ค.ได้ เพราะเชิญทูตานุทูตมากมายร่วมงานแล้ว   เผยเคยเรียกกรมทางหลวงคุย ยืนยันเป็นเจ้าของพื้นที่ไม่ใช่ ทอท. ขณะที่ "ศักดิ์สยาม" นัดเคลียร์ 30 ส.ค.นี้  ด้านสหภาพ ทอท.โต้แหลก เปล่าป้องคิง เพาเวอร์ ยกกฎ ICAO ขู่
     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อพิพาทระหว่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กรณีเซ็นทรัล วิลเลจ ว่าตอนนี้ผู้เกี่ยวข้องกำลังไปดูกันอยู่ และได้ทราบว่าทางบริษัท เซ็นทรัลพัฒนาฯ ได้ไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครอง ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ เพราะไปเกี่ยวพันกับ 3-4 กระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแลการท่าฯ, กระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลเรื่องผังเมือง, กระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลเกี่ยวกับที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ 
    เขาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้หน่วยงานเหล่านี้ไปดู โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้แจ้งกับนายกฯ ไปแล้วว่าจะลงไปดูว่าจะหาทางทำอย่างไรได้บ้าง 
    เมื่อถามว่า หากศาลปกครองยังไม่มีมติออกมาว่าคุ้มครองหรือไม่ ทางซีพีเอ็นจะเปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ก็แล้วแต่เขา ถ้าจะเปิดก็เปิดได้ ถือเป็นการเปิดชั่วคราว ขณะที่ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลกันไปก่อน 
    ถามว่าเรื่องนี้นายกฯ ได้ให้ความสนใจและกำชับในที่ประชุม ควรต้องมีการดำเนินการให้ชัดเจนโดยเร็วหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ความรวดเร็วคงไม่ต้องพูดและบอกกัน เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าเขาจะเปิดอยู่แล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าเวลานี้เป็นเรื่องที่เขาจะเปิดแล้วมากกว่า ซึ่งเขาก็เชิญแขกรวมถึงทูตานุทูตมากมายในพิธีเปิด ซึ่งจะเปิดไปก่อนแล้วทีหลังจะว่าอย่างไรมันก็สามารถทำได้ ผิดก็ว่าไปตามผิด 
    "ถ้าเขาผิดเราก็ต้องดูว่าเขาผิดตรงไหน เพราะเขาอ้างว่าเขาได้รับอนุญาตก่อสร้างถูกต้อง และอ้างว่ากรมทางหลวงได้เคยอนุญาตให้กิจการต่างๆ ได้เชื่อมต่อเส้นทางแบบนี้มา 30-40 รายแล้ว ส่วนทางการทางฯ ก็อ้างว่าจะไปกระทบกับการจราจรทางอากาศ มีการคับคั่งของถนน และกระทบกับการขยายเทอร์มินัลต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องนำมาพิจารณาชั่งตวงวัดกันให้ดี และสุดท้ายก็ดูว่าความสมเหตุสมผลอยู่ที่อะไร"
    นายวิษณุกล่าวว่า วันนี้เรื่องใหญ่ที่ต้องดูกันคือใครเป็นเจ้าของที่มากกว่า ใครเป็นคนมีสิทธิ์มากกว่าในถนนสายนั้น ซึ่งตนเคยเชิญกรมทางฯ มาหารือเรื่องนี้เมื่อ 1-2 เดือนมาแล้ว ซึ่งกรมทางฯ ก็บอกว่าเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะเขาก็เคยอนุญาตคนอื่นมาแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาว่าที่ซึ่งเป็นถนนทุกสายนั้น มันเป็นที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งกรมธนารักษ์ที่ถือว่าเป็นเจ้าของก็ต้องไปค้นดูว่าเขามอบอำนาจเรื่องนี้ให้กับการท่าอากาศยานฯ หรือมอบให้กับกรมทางหลวง ซึ่งผมไม่ได้ตามเรื่องนี้มานานแล้ว ก็ต้องปล่อยให้เขาไปว่ากันเอง
    เมื่อถามว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยมาหารือด้วยเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เคยหารือกันเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ได้ให้เขาคุยและหาทางออกกันเอง ตนไม่ได้แนะนำอะไร 
    ซักว่า เรื่องนี้หากไม่ชัดเจนจะทำให้มีผลกระทบอะไรหรือไม่ รองนายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ และไม่ควรพูด  
    ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีแนวทางแก้ปัญหาข้อขัดแย้งโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ โดยยืนยันว่าจะแก้ปัญหาตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กัน เพื่อให้มีทางออกของปัญหาที่ดีกับทุกฝ่าย โดยเวลา 14.00 น. วันที่ 30 สิงหาคมนี้ กระทรวงคมนาคมจะนัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ทอท., สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.), กรมธนารักษ์, สมาคมสายการบิน รวมถึงผู้แทนจากซีพีเอ็น เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของทุกฝ่ายและหาทางออกร่วมกัน
    “ยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมจะดำเนินการตามกรอบดูผลกระทบทางข้อกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงว่ามีประเด็นใดบ้าง หลังการหารือจะชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบต่อไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว
    วันเดียวกันนี้ นายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ยืนยันว่าพื้นที่ทางเข้า-ออกของโครงการดังกล่าวเป็นพื้นที่ในความดูแลของ ทอท. เนื่องจากมีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมธนารักษ์ และมีการปักเสาที่ดินเป็นการยืนยันจากกรมที่ดินแล้ว ตลอดแนวถนนใหญ่ซึ่งด้านหน้าของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เนื่องจากพื้นที่แนวนี้เคยเป็นลำรางสาธารณะคั่นระหว่างถนนใหญ่ (บางนา-บางวัว) กับตัวโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ
    อย่างไรก็ตาม ดังนั้น สหภาพ ทอท.จำเป็นต้องออกมาเพื่อตรวจสอบและปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติ เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ทอท. ดังนั้นพื้นที่ซึ่งถูกรุกล้ำตรงนี้จึงถือว่าเป็นสมบัติของทุกคนในประเทศ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ขัดขวางการเปิดบริการของเซ็นทรัล วิลเลจ ในวันที่ 31 ส.ค.นี้
    นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การออกมาในครั้งนี้ ทอท.ไม่ได้ทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ เจ้าของร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ และ ทอท.มิได้เป็นคู่ขัดแย้งกับเซ็นทรัลหรือใครก็ตาม แต่ ทอท.ออกมาดำเนินการตามความรับผิดชอบของผู้ดูแลพื้นที่ อย่างไรก็ตามหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ทอท.ก็ยินยอมที่จะรื้อการปิดกั้นบริเวณทางเข้าของโครงการออกทันที
    นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะส่งหนังสือสอบถามไปยังสมาคมนักบินแห่งประเทศไทยและสมาคมนักบินต่างชาติ เพื่อสอบถามผลกระทบจากโครงการนี้ ตามที่เคยออกแถลงการณ์ใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.การรบกวนสัญญาณเครื่องช่วยในการเดินอากาศ 2.แสงไฟภายนอกสนามบิน (non aeronautical light) อันส่งผลต่อการปฏิบัติการบิน ที่ต้องมีการควบคุมตามข้อกำหนด ICAO 3.กิจกรรมที่อาจเกิดมีควัน ที่ส่งผลให้ทัศนวิสัยสนามบินลดลง โดยเฉพาะการมองเห็นทางวิ่งในแนวร่อนลง 4. กิจกรรมที่อาจนำไปสู่การนำนกมาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว  และ 5.Laser emission free zone ที่ต้องมีการควบคุมออกไปภายนอกสนามบินตามข้อกำหนด ICAO
    ทั้งนี้ จำเป็นต้องออกหนังสือสอบถาม เพราะถือว่านักบินเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงการนี้ นอกจากนี้ การก่อสร้างโครงการใกล้กับแนวร่อนลงจอด อาจนำไปสู่เหตุการณ์ก่อการร้ายดักโจมตีเครื่องบิน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมากหากปล่อยให้เกิดขึ้น.