(ผู้เข้าแข่งขันทะยานตัวพุ่งออกไปหลังได้ยินสัญญาณปล่อยตัว
ฟ้าหลังฝนนั้นสวยๆ หมอกไอน้ำสีขาวลอยอ้อยอิ่งเหนือยอดขุนเขาเขียวขจี รุ้งกินน้ำหลากสีสัน ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาร่มรื่น สายลมเย็นพัดโชยเป็นระยะ เมื่อมองไปในลำน้ำปิง ใต้สะพานปิงพิพรรธน์ เห็นคนพายเรือคายัคสีส้มสดใส เด็ก 2-3 คนเล่นกระโดดลงน้ำจากท่าน้ำที่ทำไว้ให้คนที่อยากนั่งรับลมนั่งมองสายน้ำชิลๆ นี่เป็นภาพสุดแสนน่าประทับใจ ณ บางพื้นที่ของเขื่อนภูมิพลที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
เพราะช่วงหน้าฝนนี่เอง ที่มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมด ทำให้เขื่อนภูมิพล โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จัดงาน "แข่งขันจักรยานเสือภูเขานานาชาติ" ขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนสิงหาคม สำหรับปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นการจัดงานครั้งที่ 18 ซึ่ง กฟผ.ได้ร่วมมือกับจังหวัดตาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในธีม "สิงหา...พาแม่เที่ยว" หรือเป็นกิจกรรมครอบครัว เป็นการเชิญชวนให้ครอบครัวมาท่องเที่ยวพร้อมกับแข่งจักรยาน ไม่ได้มีแต่นักกีฬาที่เข้าแข่งเท่านั้น ยังมีผู้ติดสอยห้อยตามซึ่งเป็นทั้งกองเชียร์ที่เป็นสามี ภรรยา ลูก แฟน ร่วมขบวนมาด้วย และที่สำคัญคือวันสุดท้ายมีการแข่งขันแบบครอบครัว เป็น "ทีมพ่อลูก" สร้างสีสันของงานให้คึกคักยิ่งขึ้น
(ณ จุดสตาร์ท ประเภทเสือภูเขาทางไกล)
ปีนี้ถือว่าคึกคักมาก เพราะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 850 คน ใน 4 ประเภท คือ 1.ประเภทเสือภูเขาทางไกล (เส้นทางเรียบ) จากจังหวัดตากถึงสันเขื่อนภูมิพล ระยะทาง 60 กิโลเมตร 2.ประเภทเสือภูเขานานาชาติ Cross Country (เส้นทางวิบาก) ระยะทาง 36 กิโลเมตร และ 20 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางโดยรอบเขื่อนภูมิพล 3.ประเภทเสือภูเขานานาชาติครอบครัว ระยะทาง 18 กิโลเมตร และ 4.ประเภทเสือท่องเที่ยวท้องถิ่น ระยะทาง 20 กิโลเมตร
การแข่งขันไม่ได้มากันสนุกๆ หรือแค่เรียกเหงื่อกันเท่านั้น หากแต่มีความท้าทายผู้เข้าแข่งขันอย่างมาก คือ ต้องขี่ขึ้นบนสันเขื่อนภูมิพลที่ทั้งสูงทั้งชัน และจุดตัดสินยังอยู่จุดสูงสุดของสันเขื่อน นอกจากนี้ยังมีเงินรางวัลไม่น้อยยั่วยวนใจให้อยากประลองความแข็งแกร่งของน่อง รวมมูลค่ากว่า 1.3 แสนบาท พร้อมกับถ้วยรางวัล เหรียญที่ระลึกไปประดับบ้าน
(นองเหล็กเตรียมพร้อม )
สุชีพ มีถม ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล กฟผ. กล่าวในฐานะเจ้าภาพผู้จัดงานว่า การแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพลถือว่าเป็นตำนาน เพราะจัดแข่งขันมาเป็นปีที่ 18 แล้ว ส่วนประเภทเสือภูเขาทางไกล ระยะทาง 60 กิโลเมตร นับว่าท้าทายมาก เพราะเส้นชัยสุดท้าทาย อยู่ตรงบริเวณสันเขื่อนภูมิพลที่ทั้งลาดชันและคดเคี้ยว เป็นไฮไลต์ของการแข่งขัน ซึ่งนักปั่นจะต้องใช้พละกำลังอย่างมากเพื่อปั่นขึ้นสู่เส้นชัยในกิโลเมตรสุดท้าย ทำให้กองเชียร์ต้องลุ้นกันอย่างหนัก ทั้งใครจะเป็นคนแรกที่เข้าเส้นชัย และทำเวลาได้เท่าไหร่
(พิธีการเปิดการแข่งขัน งานใหญ่ของจังหวัดตาก)
"สนามแห่งนี้ได้รับการตรวจสอบและรับรองว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่มีความปลอดภัยและถูกต้องในระดับสากล รวมทั้งมีการนำระบบ Chip Timing มาใช้ในการแข่งขันเพื่อความแม่นยำในการจับเวลา และเก็บข้อมูลสถิติในการแข่งขันของนักกีฬาอีกด้วย" ผอ.เขื่อนภูมิพลรับรองความปลอดภัย
บรรยากาศการปล่อยตัวคึกคักมาก มีการสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันแต่ละประเภท บางคนไม่ได้เป็นคนจังหวัดตากแต่มาจากจังหวัดใกล้เคียง มีทั้งพิษณุโลก สุโขทัย ลำปาง เชียงใหม่ นักแข่งหญิงคนหนึ่งบอกว่ามาแข่งรายการนี้ 10 ครั้งแล้ว มาครั้งแรกตั้งแต่อายุ 12 ตอนนี้ 22 และตั้งใจว่าจะมาแข่งอีกทุกๆ ปี
(เสือภูเขาตัวน้อย)
ผลการแข่งขันที่มี 4 ประเภท แต่ขอบอกกล่าวเพียงประเภทเสือภูเขาทางไกลเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของงาน เพราะเป็นการแข่งที่หนักที่สุด นักปั่นต้องมีความอึด แข็งแกร่ง และมีความพร้อมของร่างกายมากกว่าประเภทอื่นๆ เนื่องจากต้องปั่นในระยะทางไกล 60 กิโลเมตร แถมต้องทำเวลาที่ดีอีกด้วย
รางวัลชนะเลิศรุ่นชายทั่วไป เป็นของนายธวัชชัย จีระเดชาธรรม สถิติ 1.40 ชั่วโมง นักปั่นคนนี้เป็นแชมป์ประเภทนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน คว้าเงินรางวัล 10,000 บาทไปครอง พร้อมถ้วยรางวัล ส่วนนักปั่นหญิงน่องเหล็ก รางวัลชนะเลิศเป็นของ น.ส.ภักฐ์สนัน เพิ่มพิพัฒน์ สถิติ 2 ชั่วโมง 4 นาที ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล
นอกจากแข่งปั่นจักรยานแล้ว ในงานยังมีเต็นท์จำหน่ายสินค้าชุมชนรอบเขื่อน และสินค้าโอท็อปของ จ.ตาก รวมทั้งอุปกรณ์จักรยานเสือภูเขาในราคาพิเศษ หรือถ้าใครเมื่อยก็ใช้บริการนวดแผนไทยคลายเส้นได้ ตกดึกยังมีการแสดงดนตรีคึกคักสุดๆ อีกด้วย
เท่านั้นไม่พอ 10 จุดเช็กอินภายในเขื่อนยังน่าเที่ยวอีกด้วย ใครที่เคยคิดว่ามาเที่ยวเขื่อนภูมิพลเพื่อมาดูแค่สันเขื่อนเท่านั้นต้องเปลี่ยนใจ เพราะจริงๆ เขื่อนภูมิพลไม่ได้มีแค่นี้ แต่มีที่เที่ยวร่มรื่นอย่างคิดไม่ถึง
(อีกมุมที่งดงามบริเวณสะพานปิงพิพรรธน์)
จุดเช็กอินจุดแรก สันเขื่อนภูมิพล ใครมาแล้วขึ้นไม่ถึงสันเขื่อนถือว่ายังไม่ได้มา เขื่อนภูมิพลที่เป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งที่ครองตำแหน่งใหญ่และสูงที่สุดในเอเชียอาคเนย์ และใหญ่ติดอันดับ 8 ของโลก ตรงบริเวณสันเขื่อนสามารถมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติเหนืออ่างเก็บน้ำ และมองเห็นความสูงของเขื่อนภูมิพลได้อย่างชัดเจน จุดที่ 2 หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ประจำ กฟผ. มีขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณสันเขื่อนภูมิพล ต้องเดินขึ้นเนินเขาไปสักการะ เมื่อมาถึงแล้วจะสามารถมองเห็นมุมกว้างและความสวยงามของอ่างเก็บน้ำและสันเขื่อนภูมิพลได้
(มุมงดงามของธรรมชาติใกล้บริเวณปลูกสักใหญ่ "ต้นไม้ของพ่อ"ในหลวงร.9)
จุดที่ 3 เขื่อนแม่ปิงตอนล่าง ทำหน้าที่กักเก็บน้ำ รอการระบายไปตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ บริเวณนี้มีสวนสิริราชสมบัติเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9 ตั้งอยู่ติดกับริมอ่าง มีบรรยากาศดีๆ และสวยงาม จุดที่ 4 หาดหัวหิน อยู่ใกล้กับเขื่อนแม่ปิงตอนล่าง สถานที่พักผ่อนจุดใหม่ วันเสาร์-อาทิตย์คึกคักมาก จุดที่ 5 Smart Farm โรงเรือนอัจฉริยะปลูกพืชออร์แกนิก นักท่องเที่ยวซื้อผักติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ จุดที่ 6 สะพานปิงพิพรรธน์ มีลักษณะคล้ายสะพานแขวน ด้านล่างเป็นสวนสาธารณะร่มรื่น สามารถเดินเล่น หรือออกกำลังกาย พายเรือในลำน้ำปิงได้ นอกจากนี้จากจุดนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำปิงเหนืออ่างเก็บน้ำอีกด้วย
(มีคนซ้อมพายเรือคายัคบริเวณใต้สะพานปิงพิพรรธน์ ซึ่งจะเป็นกีฬาอีกประเภทที่แข่งขันกันที่เขื่อนภูมิพล)
จุดที่ 7 สวนน้ำพระทัย อยู่ถัดจากสะพานปิงพิพรรธน์ สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ในสวนมีประติมากรรมสำริด ธารน้ำพุ ซุ้มน้ำต้น และซุ้มกล้วยไม้ จุดที่ 8 ต้นไม้ของพ่อ มีต้นสักที่ในหลวง ร.9 ทรงปลูกตั้งแต่ปี 2513 พร้อมกับบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ สามารถนั่งปิกนิก มองสายน้ำ ชมดอกไม้หลากสีสันโดยรอบ พร้อมกับเห็นวิวสะพานปิงพิพรรธน์เป็นฉากหลัง
จุดที่ 9 สะพาน 50 ปี เป็นสะพานที่สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเขื่อนภูมิพลในช่วงปี พ.ศ.2500 เพื่อเชื่อมเส้นทางสองฟากฝั่งแม่น้ำปิงเข้าด้วยกัน เป็นสะพานปูนที่มีโครงสร้างเหล็ก สามารถมองเห็นภาพตัวเขื่อนและโรงไฟฟ้าแบบ Panorama ได้ และจุดที่ 10 อาคารพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 จัดแสดงเรื่องราวของในหลวง ร.9 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวของพระองค์โดยเฉพาะสายอากาศพระราชทาน แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อ กฟผ. และยังมีข้อมูลการสร้างเขื่อนภูมิพลของ กฟผ.เมื่อกว่า 60 ปีก่อน
ขอแถมอีกนิดว่า ทางเขื่อนภูมิพลยังมีบ้านพักให้บุคคลภายนอกใด้จอง พร้อมกับมีที่กางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลอีกด้วย.
(จุดสวยอีกแห่งใกล้สวนเฉลิมพระเกียรติในหลวงร.9)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |