แล้ววันพุธส่งท้ายเดือนสิงหาคม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็เลือกสัญจรแค่ในกรุงเทพมหานคร โดยนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) บางส่วน เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกและกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่ง “สมเด็จพระสังฆราช” ทรงประทานพระโอวาท ใจความสำคัญที่ว่า “ขอเน้นย้ำให้ท่านทั้งหลายจงมั่นฝึกอบรมตนให้มีสติระลึกรู้ เป็นเครื่องกำกับการกระทำ ทางกายและวาจาอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเหลิงอำนาจ หรือหลงอำนาจ จนนำไปสู่การกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่...อำนาจไม่อาจเกิดได้โดยชอบหากไม่มีรากฐานจากคุณธรรม จึงขอให้ทุกท่านมั่นคงในคุณธรรม จริยธรรมของความเป็นผู้ใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ อดทน และพากเพียร ในการประกอบกรณียกิจเพื่อจรรโลงสถาบันหลักของชาติ และประชาชนให้รุ่งเรืองไพบูลย์สืบไป” …๐ ต้องถือเป็น “พรอันประเสริฐ” หาที่สุดมิได้ที่ “คณะลุงตู่” ต้องน้อมนำไประลึกและปฏิบัติให้จงได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้ว มิใช่ “รัฏฐาธิปัตย์” ที่ พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่ในมือแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ...๐ โดยความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบนั้นสะท้อนได้จาก กรณี "ปีเตอร์ เฮย์มอนด์" อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพื่ออำลาตำแหน่ง โดยท่านอุปทูตเฮย์มอนด์บอกแบบไม่มีกั๊กว่า ตอนนี้ “ไทยและสหรัฐ” มีความสัมพันธ์เต็มรูปแบบแล้ว และใน 1-3 เดือนนี้ก็จะมีเอกอัครราชทูตตัวจริงเสียงจริงมาประจำประเทศไทย โดยอยู่ในขั้นตอนของสภาสูงมะกัน ที่จะ มีมติโหวต “ไมเคิล จอร์จ เดอซอมเบรย์” อดีตทนายความที่ฮ่องกงและเชี่ยวชาญเรื่อง “เอเชีย” เป็นอย่างดี งานนี้ก็เล่นเอาบรรดาพรรคคนรุ่นใหม่ที่ลงทุนบินไปเมืองนอกสร้างภาพว่าไทยยังเป็นประชาธิปไตยครึ่งๆ กลางๆ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว ...๐ ใกล้เดือนเกษียณอายุราชการเข้าไปทุกที ก็ทำให้ แวดวง “ทหาร-ตำรวจ” คึกคักเป็นอย่างยิ่ง โดยล่าสุด “นายกฯ ประยุทธ์” ได้ไปนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล โดยหลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง นายกฯ ก็ยืนยันว่าบัญชีแต่งตั้งเรียบร้อยดีไม่มีปรับแก้ไข!!! งานนี้ต้องบอกว่า “ผู้บัญชาการเหล่าทัพ” สามารถวาง “ทายาท” ได้แบบไม่ถูกล้วงตับ โดยตำแหน่งที่ถูกจับตามากที่สุดคือ แม่ทัพฟ้าที่ “พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน” จะเกษียณอายุราชการ ซึ่งตัวเต็งนั้นคือ “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์” เสนาธิการทหารอากาศ หรือ “บิ๊กนัต” จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนที่ 26 แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือข่าวเล่าอ้างว่ามี 2 แคนดิเดตข้ามห้วยมาชิงเก้าอี้ ทั้ง “พล.อ.อ.ปรเมศร์ เกทโกวิท” รองปลัด กห. และ “พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม” รอง ผบ.ทสส.ก็ตามที...๐ ในส่วนของกองทัพบกที่มี “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.คุมอยู่นั้น ก็มีการปรับย้าย 5 เสือ ทบ.ใหม่ เพราะ “พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ” ผู้ช่วย ผบ.ทบ.จะเกษียณอายุ ในขณะที่ “พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา” ผู้ช่วย  ผบ.ทบ.อีกรายก็คาดว่าจะไปนั่งเก้าอี้ รองปลัด กห. หรือ รอง ผบ.ทสส. ทำให้ “ผู้ช่วย ผบ.ทบ.” ว่าง 2 เก้าอี้ โดยคาดว่า “พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” แม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นมาผู้ช่วย ผบ.ทบ. เพื่อเป็นทายาทบิ๊กแดงที่จะเกษียณอายุใน ก.ย.2563 ส่วน “ผู้ช่วย ผบ.ทบ.”อีกเก้าอี้นั้น คาดว่า “พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์” ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) จะมาแทน ...๐ เอ่ยถึงเรื่อง แต่งตั้ง ไม่เอ่ยถึงกรณี “นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์” อดีต รมว.ศธ. ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้สิ้นสภาพรัฐมนตรีกรณีภรรยาถือหุ้นสัมปทานไม่ได้ เพราะ “หมอธี” ได้ฮาราคีรีตัวเองเพื่อตัดปัญหาว่าจะนั่งเก้าอี้ “สมาชิกวุฒิสภา” ได้หรือไม่แล้ว โดยจะให้มีผลในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งใครต่อใครที่คิดว่าจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ต้องชะงักเพราะ “เชาว์ มีขวด” ทนายอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เตือนทั่นประธาน “พรเพชร วิชิตชลชัย” ให้ดูให้ดีและรอบคอบก่อนรับใบลาออกที่ให้มีผล 30 ก.ย.นี้ เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ว.มาตั้งแต่ต้นหลังศาลตัดสินตามรัฐธรรมนูญ งานนี้ต้องเรียกว่าน่าคิดและน่าติดตาม ...๐ ทิ้งท้ายด้วยเฟซบุ๊กสั้นๆ ของ “สุริยะใส กตะศิลา” รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในกรณีหนี้กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่ง มีดรามาต่อเนื่องตั้งแต่มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของทั่นผู้แทนฯ ทั้งหลายที่ระบุว่า “หนี้ กยศ.แก้ยังไม่จบหรือจบได้ยาก ตราบใดที่ยังไม่อาจสร้างเส้นแบ่งระหว่างสิทธิกับสำนึกความรับผิดชอบ” เรียกว่าสั้นๆ แต่ได้ใจความนะพ่อคุณ ...๐