28 ส.ค. 62 - ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.1567/2560 ที่บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวกรวม 3 คน (กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องระบุกรณีที่นายชาญชัยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยเผยแพร่ข้อความให้ร้าย กลั่นแกล้งโจทก์ ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อธุรกิจของโจทก์หลายประเด็น อาทิ กล่าวหาโครงการเช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากร และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของโจทก์มีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้ดำเนินการ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535, กล่าวหาบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และโจทก์ ไม่ได้ดำเนินการเชื่อมต่อระบบข้อมูลการซื้อขายสินค้าแบบ realtime หรือที่เรียกว่าระบบ Point of Sale (POS) ตามสัญญา ทำให้เกิดล่าช้ามานานถึง 9 ปี รวมทั้งกล่าวหาโจทก์จ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้กับ ทอท. ไม่ครบถ้วน ตามสัญญาบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ ทำให้ ทอท. ขาดรายได้ เป็นต้น การกระทำของจำเลยอาจถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 393, 90 และ 332 (2)
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2561 โดยเห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ศึกษา ตรวจสอบ และจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง อันเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องที่แต่งเติมขึ้นมาใส่ร้ายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม
ขณะที่วันนี้ (28 ส.ค.) ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า จำเลยในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการฯ มีอำนาจหน้าที่เพียงศึกษา วิเคราะห์ จัดทำแนวทาง แผนการปฏิรูป และข้อเสนอแนะเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเท่านั้น ห้ามมิให้อนุกรรมาธิการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ปัญหาว่าโจทก์ทั้งสามได้รับสัมปทานในสนามบินโดยมิชอบ มีการทุจริตและกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ หาใช่จำเลยไม่ และไม่ปรากฏว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินคดีต่อโจทก์ทั้งสาม โดยเฉพาะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติยกคำร้องกรณีที่มีการกล่าวหา การกระทำของจำเลยมีลักษณะจงใจกลั่นแกล้งให้ร้ายโจทก์ทั้งสาม มิใช่การแสดงความเห็นโดยสุจริต จึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, 393 รวม 2 กระทง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 328 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกกระทงละ 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน กับให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด มติชน เดอะเนชั่น สยามรัฐ และคมชัดลึก เป็นเวลา 15 วัน ให้จำเลยออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอนุญาตให้นายชาญชัยได้ประกันตัวไป ด้วยหลักทรัพย์เดิม 5 หมื่นบาท และเพิ่มอีก 1 หมื่นบาท เพื่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |