แม้เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 27 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรีร่วมพิธีรับพระราชดำรัสพร้อมลายพระราชหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

        และต่อมา หลังการประชุม ครม.เสร็จสิ้นลง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เวลาช่วงที่แถลงข่าว โดยนำพระราชดำรัสพร้อมลายพระราชหัตถ์ ซึ่งใส่กรอบอย่างดีมาแสดงให้สื่อมวลชน ได้เห็นและถ่ายรูป อันเป็นพระราชดำรัสดังกล่าวความว่า

       "ขอถือโอกาสนี้ให้พรให้ท่านมีกำลังใจ ความมั่นใจ และความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ได้ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน งานใดๆ ก็ต้องมีอุปสรรค งานใดๆ ก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน เพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์ โดยแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุดและมีความเข้มแข็งอดทน ก็ขอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาลมีได้กำลังใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี ด้วยความถูกต้องต่อไป"

        มีการประเมินก่อนหน้านี้ หลังมีข่าวเรื่องพิธีสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาลเผยแพร่ในวงกว้าง เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม ทาง 7 พรรคพันธมิตรฝ่ายค้านอาจทบทวนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ พล.อ.ประยุทธ์ ในปมเรื่องการถวายสัตย์ฯ รวมถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจไม่ส่งเรื่องปมถวายสัตย์ฯ ไปยังศาล รธน. 

        ทว่าการคาดการณ์ข้างต้นในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะปมถวายสัตย์ฯ ยังจะเป็นปมปัญหาข้อกฎหมายกวนใจทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปบนการต่อสู้ที่จะต้องเดินไปบน 2 รันเวย์ทางการเมืองและคำร้องคดีความ

        1.การต่อสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ หากสุดท้ายศาลรับคำร้อง ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นให้ส่งคำร้องของนายภาณุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ยื่นเรื่องว่า การถวายสัตย์ฯ ไม่ครบของนายกฯ จะทำให้การแถลงนโยบายเป็นโมฆะ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้คำชี้แจงของนายกฯ ว่าถวายสัตย์ฯ ครบทุกขั้นตอน แต่ก็เห็นว่านายภาณุพงศ์เป็นผู้เสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงส่งเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัย ขณะที่คำร้องของคนอื่นๆ เช่น ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยที่ร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัยว่า การที่นายกฯ ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทางผู้ตรวจฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบเป็นเรื่องของการกระทำ ไม่ใช่บทบัญญัติกฎหมาย จึงไม่ได้เป็นประเด็นว่าข้อความหรือถ้อยคำในการกล่าวถวายสัตย์ฯ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่ต้องส่งศาล รธน. จึงมีมติให้ยุติเรื่อง

        2.พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเตรียมไปชี้แจงกลางที่ประชุมสภาฯ ในการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่ยื่นญัตติให้ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลชี้แจงใน 2 ประเด็น คือ 1.การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีกล่าวตามนั้น ถ้อยคำไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และ 2.การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา รัฐบาลไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 162

        โดยท่าทีของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” ยังยืนกรานไม่มีถอย มีแต่เดินหน้าสถานเดียว ในการจัดขุนพลฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายซักถาม-ซักฟอก ปมถวายสัตย์ฯ แม้ช่วงเช้าก่อนหน้า การแถลงข่าวของฝ่ายค้านที่ยืนยันไม่มีการล้มญัตติที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันอังคารที่ 27 สิงหาคม จะมีพิธีสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงแม้จะรู้แล้วว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งคำร้องให้ศาล รธน.วินิจฉัย

        ท่าทีดังกล่าว สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านจากเพื่อไทยย้ำว่า แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งคำร้องไปยังศาล รธน. แต่พรรคฝ่ายค้านจะยังเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นการตรวจสอบของทางสภาฯ ส่วนการยื่นคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินก็ดำเนินไป สามารถไปกันได้ทั้ง 2 เส้นทาง ไม่ได้เป็นอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย

       “การอภิปรายที่จะเกิดขึ้น ทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลเอง เพราะหากเขาไม่สนใจที่จะมาตอบ หรือมาตอบ แต่ตอบแบบไม่ได้เตรียมความพร้อมมา หรือมาตอบแบบแก้ข้อกล่าวหา ไม่ได้ มาตอบแบบไม่รับผิดชอบ แบบนี้ก็อาจเป็นเรื่องของการขึงพืดได้ มันเป็นที่รัฐบาลเขาจะทำตัวของเขาเอง ไม่ใช่ฝ่ายค้านทำ สำหรับ ส.ส.ของเพื่อไทย ที่วางตัวไว้ว่าจะให้ลุกขึ้นอภิปรายจะมีประมาณ 10 คน อาทิเช่น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้าน - น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ - นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว - จิรายุ ห่วงทรัพย์ - ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร - ชวลิต วิชยสุทธิ์ - ไชยา พรหมา - ขจิต ชัยนิคม - จิราพร สินธุไพร - ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ - จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น”

        ปมปัญหาการถวายสัตย์ฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใครต่อใครคิดว่าจะจบเรื่องแล้ว สุดท้ายก็ไม่จบ โดยตัว พล.อ.ประยุทธ์และทีมกฎหมายข้างกายก็ต้องเตรียมตัวไปชี้แจงญัตติของฝ่ายค้านกลางห้องประชุมสภาฯ รวมถึงต้องเตรียมสู้คดีต่อไปหากศาล รธน.รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน.