27 ส.ค.62- ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำ 2054/2559 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อายุ 73 ปี อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายคัมภีร์ สมใจ อายุ 73 ปี อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
กรณีที่จัดให้มีการสัมมนา ที่ จ.น่าน วันที่ 31 ต.ค. 2546 ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการสัมมนากันจริง แต่จัดสัมมนาเพื่อให้ข้าราชการที่มีรายชื่อเข้ารับการสัมมนานั้น ได้ไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในวันเดียวกันแล้วให้เบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในงบเดียวกัน 294,440 บาท ทำให้ สตง.เสียหาย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดคุณหญิงจารุวรรณและนายคัมภีร์
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2558 ว่าจำเลยทั้งสอง มีความผิดตามมาตรา 157 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ จากนั้นคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์ ได้ยื่นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 200,000 บาทขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี
ขณะที่คดีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2560 เห็นว่า การจัดและอนุมัติโครงการสัมมนากระทำไป เพื่อให้ข้าราชการ สตง. ไปร่วมการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน และการทอดผ้ากฐินสามัคคี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง แต่เบิกจ่ายงบประมาณ สตง. ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ พ.ศ.2545 โดยไม่มีการสัมมนาที่แท้จริง จึงเป็นการเบิกจ่ายโดยไม่มีสิทธิ ทำให้ สตง.เสียหาย โดยจำเลยทั้งสองร่วมรู้เห็นตั้งแต่ต้น จึงเป็นความผิด ตาม ม.157
ส่วนที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งสองรับราชการที่ สตง.มางานจนดำรงตำแหน่งระดับสูง นับว่าได้ทำคุณประโยชน์ให้กับราชการ ประกอบกับจำเลยทั้งสองมีอายุมากประมาณ 70 ปีมีเหตุควรปราณี ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกคนละ 2 ปีจึงหนักเกินไป พิพากษาแก้โทษให้จำคุกเหลือคนละ 1 ปี แต่กรณีไม่สมควรรอลงอาญา
ขณะที่ระหว่างฎีกา คุณหญิงจารุวรรณและนายคัมภีร์ได้ประกันตัวคนละ 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้ว 2 ครั้งเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2562 และวันที่ 22 เม.ย. 2562 เนื่องจาก นายคัมภีร์ จำเลยที่ 2 มีอาการภาวะหัวใจล้มเหลว แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมาวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
โดยวันนี้ (27 ส.ค.) คุณหญิงจารุวรรณ จำเลยที่ 1 มาศาล ซึ่งมีครอบครัวและกลุ่มญาติ มาให้กำลังใจร่วมลุ้นผลคำพิพากษาด้วย ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ก็มาร่วมติดตามฟังคำพิพากษาเป็นกำลังใจด้วยเช่นกัน
ส่วนนายคัมภีร์ จำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยได้เสียชีวิตแล้ว ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
คดีในส่วนของคุณหญิงจารุวรรณ จำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ตามทางนำสืบ ก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับทราบอยู่แล้ว ว่าการจัดสัมมนานั้นเป็นเวลาทับซ้อนกับช่วงเวลา ที่จะเดินทางไปถวาย ผ้าพระกฐินพระราชทานและผ้ากฐินสามัคคีที่วัดในจังหวัดน่าน 3 แห่ง โดยที่การจัดสัมมนานั้นก็จัดในสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้เป็นไปตามคำนิยามของการสัมมนาตามระเบียบการคลัง ซึ่งไม่สามารถเบิกเงินที่เป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายได้ จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าในการจัดทำโครงการดังกล่าวมีเงินคืนหลวงนับแสนบาทนั้นก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่ได้มีการเบิกจ่ายเงินซึ่งไม่มีสิทธิได้ ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตามฟ้อง ฎีกาที่จำเลยต่อสู้คดีนั้นฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่ฎีกาจำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย และได้เคยประกอบคุณงามความดี ขนาดที่พฤติการณ์ความผิดนี้แม้จะเกี่ยวข้องกับจริยธรรมคุณธรรมของเจ้าพนักงานด้วย แต่เมื่อเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินนั้น จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำเงินไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของตน จำนวนเงินในคดีนี้ก็มีจำนวนไม่มาก กับเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก จึงสมควรให้โอกาสจำเลย ในการรอการลงโทษไว้ แต่เห็นควรให้เพิ่มการลงโทษปรับ จำเลยที่ 1 ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ จึงเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน โดยโทษปรับจำนวน 20,000 บาทนั้น เมื่อลดโทษ 1 ใน 4 แล้วคงปรับเป็นเงิน 15,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการนั่งฟังคำพิพากษาภายในห้องพิจารณาคดีเป็นเวลาร่วม 2 ชั่วโมง คุณหญิงจารุวรรณ มีสีหน้าเรียบเฉย โดยนั่งประสานมือบนตัก ขณะที่เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้วผู้พิพากษาก็ได้อธิบายผลคำพิพากษาให้จำเลยทราบอีกครั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |