ก้าวย่าง“ไพบูลย์ นิติตะวัน” จากหัวสุนัขสู่แผงคอราชสีห์


เพิ่มเพื่อน    

           สำหรับ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป ในฐานะมือตรวจสอบระบอบทักษิณและผู้พลิกบทบาทการเมืองไทยในปี 2557 ที่มีจุดยืนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการบริหารประเทศและปฏิรูปบ้านเมืองมาก่อนใคร

                ดังนั้น การเคลื่อนไหวของเขาแต่ละครั้งถือว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะการเดินเข้ามาเติมแต้มให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จาก 116 เสียง เป็น 117 เสียง ผ่านทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. เพื่อไปขับเคลื่อนงานทางด้านกฎหมาย ที่พรรคใหม่แห่งนี้ยังมีช่องโหว่อีกมาก

                โดยเฉพาะการผลักดันงานเชิงรุก 

                แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น “ไพบูลย์” ต้องผ่านด่านสำคัญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอาจยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำขัดเจตนารมณ์ของกฎหมายสูงสุดของประเทศหรือไม่ อาทิ คะแนนที่ชาวบ้านเลือกพรรคประชาชนปฏิรูปมาด้วย 45,374 เสียง จะต้องมารวมกับพรรค พปชร.หรือไม่, อนาคตหากมีการตัดสิทธิ์ ส.ส. เช่นถือหุ้นสื่อมวลชน และหากมีการเลือกตั้งซ่อมใหม่หลายคน  จะต้องมีการคำนวณสัดสวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ทั้งหมดหรือไม่ และนายไพบูลย์ คะแนนใหม่ว่าจะถึงเกณฑ์ด้วยหรือไม่ เฉกเช่นเดียวกับพรรคไทรักธรรม ที่ "พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค" หัวหน้าพรรค เป็น ส.ส.ได้เพียง 3 วัน ต้องพ้นจากเป็น ส.ส. เพราะมีการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดเชียงใหม่   

                "สุทิน คลังแสง" ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า กรณี "ไพบูลย์" เป็นการนำร่อง เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีคนนำประเด็นดังกล่าวไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผลที่ออกมามี 2 ทาง 1.ยุบพรรคประชาชนปฏิรูปได้ ทำได้อย่างถูกต้อง พรรคพลังประชารัฐเอาไพบูลย์ไปอยู่ด้วยได้ จากนี้ไปก็อาจจะถืออันนี้เป็นโมเดลสำหรับพรรคเล็กอื่นๆ นำไปใช้ 2.ถ้าศาลบอกยุบไม่ได้ ผลจากการเป็น ส.ส.ของนายไพบูลย์หลุดไปเลย

                "เมื่อหลุดเลยก็เป็นไปได้ว่าที่อาจจะมีการยุบพรรคข้างบ้านเรา ที่เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมจะส่งผลต่อสถานภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 50 คน ที่อาจจะหายหมด เหลือเพียง ส.ส.เขต 31 คน แต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คนนี้ จะไปสังกัดที่ไหนไม่ได้เลย เรื่องนี้เราต้องตามดูกันต่อไป เหมือนเป็นการเอากรณีไพบูลย์ 1 คน ไปแลกกับอีก 50 คนหรือไม่ จึงได้บอกว่าในวันนี้สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่เราอาจยังไม่เห็น" นายสุทินกล่าว

                ดังนั้น นี่คืออีกหนึ่งปัญหาภายใต้การกาบัตรเลือกตั้งใบเดียว ออกแบบโดย กรธ.ชุด "มีชัย ฤชุพันธุ์" เป็นประธาน จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายอีกหรือไม่ แต่ในมุมมองของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าผลจะออกมาในมุมไหน ดูเหมือนฝั่งตัวเองก็จะเสียเปรียบ หนทางที่ทำได้คือออกมาดักคอฟ้องประชาชนให้สังคมรับทราบ ขณะเดียวกันก็ภาวนาให้ฝั่งตัวเองอย่าเสียเปรียบมากไปกว่านี้ โดยระยะห่างของเสียง ส.ส.ในสภาฯ จากเสียงใกล้เคียงกัน ไม่ให้ถ่างออกไปไกล

                กลับมาที่ตัว "ไพบูลย์" สมมุติว่าหากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เป็น ส.ส.สังกัด พปชร.อย่างบริบูรณ์ โดยอาศัยคำอธิบาย กล่าวคือ กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 91 ส่วนท้ายมีบทคุ้มครองสมาชิกพรรคการเมืองที่เป็น ส.ส.เอาไว้ โดยให้ถือว่าการสิ้นสภาพของพรรค เป็นการถูกยุบพรรคการเมือง

                ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) กำหนดให้ ส.ส.ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ถูกยุบ สามารถหาพรรคสังกัดใหม่ได้ภายใน 60 วันนับแต่วันที่มีคำสั่งยุบพรรคการเมือง เพื่อคุ้มครองไม่ให้ ส.ส.คนนั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง  

                เหมือนกับตอนศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และ ส.ส.ของพรรคก็หาพรรคสังกัดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทย

                หากเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อย้อนไปดูโปรไฟล์ทางด้านกฎหมายของ “ไพบูลย์” โดยมีผลงานชิ้นโบแดงคือ โค่นล้ม 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ให้ตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากกรณีการใช้อำนาจย้าย 'ถวิล เปลี่ยนศรี' เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยมิชอบเมื่อปี 2557

                การเข้ามาของ “ไพบูลย์  นิติตะวัน” จึงไม่ใช่เปลี่ยนสถานะ “จากหัวสุนัข กลายเป็นหางราชสีห์”   แต่ถูกยกบทบาทถึง “แผงคอของราชสีห์” เลยก็ว่าได้  ดังนั้น ฝ่ายค้าน 7 พรรค ต้องระวังตัวมากขึ้น หากยังอยากมีที่ยืนในสภาฯ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"