โบสถ์วัดไชนาวาสทาด้วยสีอะครีลิคผสมผงทองคำ ทำลายคุณค่าดั้งเดิม
โบสถ์สีทองอร่ามในวัดเก่าของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่วัดเปลี่ยนจากสีดั้งเดิม กลายเป็นสีใหม่ จนเป็นข่าวดังในโลกโซเชียล เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขาดองค์ความรู้ในการบูรณะทำลายความแท้ดั้งเดิมโบราณสถานไม่ได้มีเฉพาะอุโบสถวัดโพธารามแต่ยังมีการทาสีเหลืองทับวิหารกำแพงซุ้มประตูและใบเสมาในวัดและโบราณสถานหลายแห่งโดยทาสีทองหวังให้เป็นเอกลักษณ์และสร้างความสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวมายลความงามของเมืองโบราณอู่ทองจ.สุพรรณบุรี
กรณีดังกล่าวนำมาสู่ การตรวจสอบวัดของกรมศิลปากรกระทรวงวัฒนธรรม มีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ของตัวอย่างสีทองที่ทาวัดถึงผลกระทบ รวมถึงเดินหน้าแก้ไขปัญหาพูดคุยทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายทั้งวัดชาวบ้านในชุมชนและคนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสีวัด
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากรกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการอนุรักษ์ประติมากรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโบราณสถานที่ถูกทาสีทองและความก้าวหน้าในการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานสำคัญในจ.สุพรรณบุรีและจ.นครปฐมเมื่อวานนี้ว่า ได้รับรายงานพบการดำเนินงานบูรณะโบราณสถานทั่วประเทศที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวโบราณสถานประมาณ40 แห่ง ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการไม่ขออนุญาตทำการบูรณะจากกรมศิลปากรก่อน การดำเนินงานมีการบูรณะผิดหลักการอนุรักษ์ตามหลักวิชาการเช่น การทาสีทองลงบนโบราณสถานทั้งหมดรวมถึงซุ้มประตู และประติมากรรม โดยใช้สีสมัยใหม่ที่มีความคงทนสูง แต่ปัญหาคือไม่สามารถระบายความชื้นได้ ทำให้เนื้อปูนผนังผุกร่อนได้ง่าย ขณะเดียวกันยังมีการฉาบด้วยปูนซีเมนต์ดำทับปูนเก่า ซึ่งระบายความชื้นไม่ได้และไม่มีคุณสมบัติการยึดเกาะกับชิ้นงานส่งผลต่อปูนเก่าและอิฐเก่าหลุดร่อนออกมา นอกจากนี้เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้บูรณะซึ่งเป็นทั้งชาวบ้านและเจ้าอาวาสโดยกรมศิลปากรแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วหลายแห่งหลังจากที่เรียกมาชี้แจงและทำความเข้าใจให้ปรับแก้แล้วแต่ทางวัดไม่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้องอาทิวัดพยัคฆารามจ.สุพรรณบุรี วัดไลย์จ.ลพบุรี
ซุ้มประตูสีทองวัดโพธาราม ทำการลอกสีออก บูรณะคืนความดั้งเดิม
“ หลังจากที่กรมศิลปากรแจ้งดำเนินคดีกับวัดต่างๆที่ทาสีทองทับทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความเสียหายทำให้วัดทำผิดลักษณะนี้น้อยลงเพราะการทาสีทองหากไม่ลอกออก จะเกิดความชื้นเกิดสีหลุดลอกกรมมีแนวคิดเชิญบริษัทผลิตสีมาพูดคุย เพื่อผลิตสีที่ระบายความชื้นได้ใช้ในการอนุรักษ์โบราณสถานและงานโบราณคดีหากดำเนินการสำเร็จจะมีผลิตภัณฑ์สีแนะนำให้วัดใช้ในการอนุรักษ์ต่อไป ขณะนี้มีวัดทาสีทองกว่า30 วัดงานอนุรักษ์ ต้องขอความร่วมมือท้องถิ่นและชุมชนมีบทบาทช่วยสอดส่องและเฝ้าระวังการพัฒนาวัดอย่างเหมาะสม “ รองอธิบดีกรมศิลปากรกล่าว
ใบเสมาด้านหน้าอุโบสถ วัดลาวน้อย ลอกสีทองออก พบเสียหายเนื้อหินทรายเปื่อยยุ่ย
ด้านนักอนุรักษ์ในสุพรรณบุรีอัจฉรา แข็งสาริกิจ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่2 สุพรรณบุรีกล่าวว่าในจังหวัดสุพรรณบุรีมีปัญหาโบราณสถานที่ถูกทาสีทองจำนวน 9 แห่ง แต่การดำเนินโครงการอนุรักษ์ประติมากรรมเพื่อแก้ไขปัญหาโบราณสถานที่ถูกทาสีทองคัดเลือก3 แห่ง ระหว่างเดือนพ.ค.-ก.ค. 62 คือวัดโพธารามวัดไชนาวาสและวัดลาวทองอำเภอเมืองโดยใช้เกณฑ์คัดเลือกโบราณสถานที่เก่าแก่วัดที่สำคัญอันดับต้นๆและมีประติมากรรมสวยงาม รวมถึงสภาพความเสียหายจากการทาสีทองที่จำเป็นเร่งด่วนสำหรับการอนุรักษ์ได้ดำเนินการในประติมากรรมเฉพาะ เนื่องจาก มีงบประมาณจำกัด เช่น ใบเสมาซุ้มประตูและหลวงพ่อดำก่อนที่จะเสียหายมากกว่านี้ใช้งบประมาณในการแก้ปัญหารวมประมาณ9 แสนบาท
อัจฉรา อธิบายว่าที่วัดโพธารามพบการทาสีอะคลิลิคสีทอง ตั้งแต่กระเบื้องมุงหลังคาตลอดลงมาถึงผนังของอุโบสถทั้ง4 ด้าน รวมถึงกำแพงซุ้มประตูและใบเสมาทุกทิศภายในพบการทีสีทองบนเสาไม้ทุกต้นสีที่ใช้ทั้งหมดมีส่วนผสมของเรซิ่นซึ่งทนความร้อนและไม่ยอมให้น้ำหรือความชื้นซึมผ่าน ขณะที่ วัดไชนาวาสผนังพระอุโบสถถูกทาด้วยสีอะคลิลิคสูตรน้ำ ที่ถูกผลิตขึ้นจากอะคลีลิคเรซิ่น100% ผสมผงทองคำทั่วทั้งผนังหน้าต่างและใบเสมารอบพระอุโบสถเนื้อสี มีความเหนียวและทนทานต่อสภาพภูมิอากาศปิดกั้นการระเหยผ่านของความชื้นลักษณะเนื้อสีมีความเรียบเนียนและที่วัดลาวทองตรวจพบพระพุทธรูปประจำพระอุโบสถใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกนาม“หลวงพ่อดำ” แต่ถูกทาทับด้วยสีทองจากวัสดุสังเคราะห์ทั่วทั้งองค์สีมีลักษณะเรียบเหนียวลอกออกได้เป็นแผ่นภายนอก พระอุโบสถถูกทาด้วยสีอะคลิลิคสีทองตลอดผนังทั้ง4 ด้านพบความเสียหายของใบเสมาด้านหน้าพระอุโบสถที่มีลักษณะการหลุดร่อนของชั้นสีเป็นแผ่นเนื้อหินทรายเปื่อยยุ่ยออกเป็นผงเกิดจากการทำปฏิกิริยาของเกลือกับความชื้นที่สะสมอยู่ภายใน
“ ปีนี้กรมศิลปากรจัดอบรมพระสังฆาธิการในเขตที่รับผิดชอบ5 จังหวัดโดยมีเจ้าอาวาสเข้าร่วมซึ่งทุกรูปรับรู้และรับทราบสิ่งที่เกิดขึ้นที่วัดบางวัดพบปัญหาจากการทาสีทองแล้ว สีหลุดร่อนแต่ไม่กล้าบอกชาวบ้านทาง กรมศิลป์ฯ ได้แนะนำกระบวนการอนุรักษ์โดยเชิญหัวหน้ากลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรมบรรยายให้ความรู้เพื่อรักษาความเป็นของแท้ดั้งเดิม ไม่ทาสีทองทั้งหมดทำเฉพาะส่วนยอดและส่วนที่สำคัญสำหรับทั้ง3 วัด สำนักศิลปากรที่2 มีแผนจะบูรณะควมเป็นของแท้ดั้งเดิมทั้งหมดภายใต้งบประมาณปี64-65 ซึ่งจะต้องจัดทำแผนอนุรักษ์ต่อไป” อัจฉราเผยเดินหน้าอนุรักษ์ให้สมบูรณ์
ลอกสีทองออก อนุรักษ์ประติมากรรมหลวงพ่อดำ วัดลาวน้อย
หลวงพ่อดำศักดิ์สิทธิ์วัดลาวน้อยที่ถูกทาสีทองทั่วทั้งองค์วันนี้องค์พระประธานกลับคืนสีดำเหมือนอดีตเหล่านักวิชาการช่างศิลป์ใช้เวลากว่า20 วันทำการลอกสีสำเร็จ
อธิป พวงสมบัติ นักวิชาการช่างศิลป์กล่าวว่าเหตุที่ชาวบ้านเรียก“หลวงพ่อดำ” เพราะเดิมองค์พระมีสีดำ แต่ถูกทาทับด้วยสีทองจากวัสดุสังเคราะห์ทั่วองค์ชาวบ้านยินดีให้กรมศิลปากรทำงานอนุรักษ์เพื่อให้หลวงพ่อดำกลับคืนมาเราพบความเสียหายขององค์พระจากการทาสีทองทำให้โบราณวัตถุไม่สามารถระบายความชื้นได้องค์พระชั้นหินมีลักษณะผุกร่อนเมื่อผิวปูนโบราณผุกร่อนชั้นรักก็ยึดติดไม่ได้
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากร ตรวจเยี่ยมการแก้ปัญหาโบสถ์ ใบเสมาทาสีทอง จ.สุพรรณบุรี
ขั้นตอนลงมือนั้นอธิปเล่าว่าการลอกสีใช้คนถึง3 คนปฏิบัติงานด้วยความละเอียดอ่อนปัดฝุ่นองค์พระหยดสารละลายเมธิลเอธิลคีโตนลงบนสำลีที่วางบนพื้นที่ที่จะทำการลอกสีผนึกกระดาษฟอยส์ทับสำลีที่หยดสารสะลายไว้ปล่อยทิ้งไว้เมื่อครบกำหนดเวลาค่อยๆเปิดกระดาษฟอยส์และสำลีพร้อมนำสำลีพันปลายไม้เช็ดสีแล้วทำความสะอาดชั้นรักบริเวณที่สีเกาะอยู่บนพื้นผิวด้วยสารละลายตัวเดียวกัน
โบราณสถานจะทาสีทองด้วยศรัทธาทำได้แต่นักวิชาการช่างศิลป์ให้ยึดหลักตำแหน่งของศิลปกรรมและบริบทของสถานที่ๆใช้ถ้าเป็นวัสดุใหม่หรือสร้างใหม่จะไม่มีปัญหาแต่วัสดุโบราณจะเกิดปัญหาให้แก้ไขตามมา
ใบเสมาทาสีทองเทียบกับเมื่อลอกสีทองแล้ว วัดไชนาวาส
“ ความเก่าแก่ของหลวงพ่อดำสันนิษฐานจากรูปแบบศิลปกรรมอายุสมัยคาดว่าอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นโบราณวัตถุมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชาวบ้านในชุมชนศรัทธาเต็มเปี่ยมที่น่าดีใจวัดลาวน้อยมีโครงการปรับผิวองค์พระให้แข็งแรงและทำชั้นรักให้สมบูรณ์ดั่งหลวงพ่อดำองค์เดิมนี่เป็นเป้าหมายต่อไป“ อธิปย้ำงานบูรณะฟื้นฟูไม่หยุดวัดซึ่งเป็นผู้ดูแลให้ความสำคัญถือเป็นแบบอย่างการทำงานอนุรักษ์โบราณสถานและศาสนสถานให้กับสถานที่สำคัญในจังหวัดอื่นต่อไปไม่ให้ผิดพลาดซ้ำรอยเก่า
ลวดลายประติมากรรมซุ้มประตูวัดโพธารามหลังลอกสีทอง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |