เวลา 13.30น. ที่ห้องสมุดทักษิณ ชินวัตร ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการกิจกรรม จับมือดาวสภาฯเพื่อไทย โดยเชิญ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ที่ถือเป็นดาวสภาฯสำหรับพรรคเพื่อไทย มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองการทำงานในสภาฯ รวมถึงเรื่องปูมความหลังต่างๆของแต่ละคนก่อนจะมาเป็นส.ส.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจแย่ ประชาชนประสบกับปัญหาทั้งเรื่องภัยแล้ง พืชผลการเกษตรตกต่ำ ข้าวเหนียวราคาแพง ยาบ้าราคาถูก กินก่อนผ่อนทีหลัง สิ่งเหล่านี้ทำให้พี่น้องเป็นทุกข์ ซึ่งทุกข์ของพี่น้องก็คือทุกข์ของพรรคเพื่อไทยด้วย แม้เราเป็นฝ่ายค้าน ยังทำอะไรไม่ได้มากแต่ก็พยายามลงพื้นที่ไปพบประชาชน ไปรับฟังปัญหาของชาวบ้าน เราจะไม่รอช้า แม้แต่วินาทีเดียวที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน นอกจากนี้พรรคจะมีแนวคิดอะไรใหม่ๆออกมาตลอดเวลา เราจะมีกิจกรรมตลอดทุกสัปดาห์ วันที่อาทิตย์ 31ส.ค. จะมีการเปิดใจ นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค เกี่ยวกับบทบาทการทำงาน จะนำพาพรรคไปทางไหน
สำหรับงานดังกล่าวช่วงแรกเป็นการเปิดโอกาสให้ดาวสภาฯ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน พร้อมกับให้แต่ละคนบอกถึงปูมหลังความเป็นมาก่อนมาเป็นส.ส.ทำหน้าที่อะไร นายสุทิน บอกว่า เป็นครูมากว่า20ปี เป็นเจ้าของค่ายมวย เป็นหัวหน้าวงรำวงย้อนยุค นพ.ชลน่าน ระบุว่าเป็น หมอสูตินารีแพทย์ นส.จิราพร เป็นอดีตนักเรียนปริญญาโทจบจากอังกฤษ เคยทำงานช่วงหนึ่งที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในสภาฯไม่เคยเรียกพล.อ.ประยุทธ์ว่านายกฯ เพราะที่มาไม่ชอบ แต่ใช้คำว่า ผู้กำลังแถลง ผู้กำลังอภิปราย ส่วนตัวรู้สึกเวทนา พล.อ.ประยุทธ์ ที่เขาไม่ยึดมั่นระบบรัฐสภาฯ ยังมีการใช้พฤติการณ์ พฤติกรรมเหมือนทหารในค่าย เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้จักสภาฯ เลยไม่รู้ระบบ ระเบียบ บางครั้งยังหันมาขอบคุณ นายชวน เพราะเห็นว่าเป็นนายกฯ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเราอาจจะไม่รู้จักเขามากพอ คนถามว่าพอเจอๆพล.อ.ประยุทธ์ในสภาฯแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ก้ต้องบอกว่าดูไปเหมือนแมวเชื่องๆที่ตลกเท่านั้น แม้แกเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว แต่มักทำผิดบ่อยๆ รวมทั้งมีความเชื่อมั่นในตัวเอง แม้กรณี การถวายสัตย์ ทราบมาว่ามีการเตรียมแฟ้มคำถวายสัตย์ไว้ให้ แต่ยังไปหยิบสิ่งที่ตัวเองช็อตโน้ตมาอ่าน เลยทำให้เกิดความผิด
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันนี้มีกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป ที่กำลังเป็นเรื่องที่พูดกันอย่างกว้างขวางในสังคม นายไพบูลย์ หากเกิดการยุบพรรคจริง ทำให้กรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไปด้วย จะทำให้เรื่องคะแนนที่มีจะถือเป็นศูนย์ จะต้องนำคะแนนมาคำนวนหารกันใหม่ แล้วเมื่อคำนวนแล้ว ตัวเลขจะไปตกอยู่พรรคไหน อย่างไรก็ดีส่วนตัวกลับรู้สึกเป็นห่วงคือ พรรคข้างบ้านเราหรือพรรคอนาคตใหม่ ที่มีส.ส. 81คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50คน ส.ส.เขต 31คน หากมีการยุบพรรค คะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจจะถูกนำมาคำนวนใหม่ ที่อาจจะทำให้บางพรรค ได้ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 40คน แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่เกี่ยว เพราะถึงนำมาคำนวนอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อส.ส.บัญชีรายชื่อ หากเป็นเช่นนั้นจริง เราจะยอมหรือ
นายสุทินกล่าวว่า สิ่งที่นพ.ชลน่าน อธิบาย คือเป็นการดักทาง กรณีนายไพบูลย์ เป็นการนำร่อง เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีคนนำประเด็นดังกล่าวไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ผลที่ออกมามี2ทาง 1.สามารถยุบพรรคประชาชนปฏิรูปได้ ทำได้อย่างถูกต้อง พรรคพลังประชารัฐเอาไพบูลย์ ไปอยู่ด้วยได้ จากนี้ไปก็อาจจะถืออันนี้เป็นโมเดล สำหรับพรรคเล็กอื่นๆนำไปใช้ 2.ถ้าศาลบอกยุบไม่ได้ ผลจากการเป็นส.ส.ของนายไพบูลย์ หลุดไปเลย และเมื่อหลุดเลย ก็เป็นไปได้ว่าที่อาจจจะมีการยุบพรรคข้างบ้านเรา ที่เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมจะส่งผลต่อสถานภาพส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ 50คน ที่อาจจะหายหมด เหลือเพียงส.ส.เขต 31คน แต่ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50คนนี้ จะไปสังกัดที่ไหนไม่ได้เลย เรื่องนี้เราต้องตามดูกันต่อไป เหมือนเป็นการ เอากรณีไพบูลย์ 1คน ไปแลกกับอีก 50คนหรือไม่ จึงได้บอกว่า ในวันนี้สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่เราอาจยังไม่เห็น
นายสุทินกล่าวว่า การได้มาเป็นส.ส.รอบนี้ เป็นความคุ้มค่า คาดว่าประชาชน คงอยากให้ส.ส.สะท้อนปัญหาไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ หลายคนอยากให้เราจัดหนัก จัดเต็ม เราพยายามถ่ายทอดความรู้สึกประชาชนที่อัดอั้น ไปให้ได้มากที่สุด แม้จะยังไม่หมด ก็ยังมีเวลาที่เราจะจัดการหนี้หัวใจที่จะพูดกับพล.อ.ประยุทธ์ เท่าที่ดู ในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอะไรที่ซ่อนเร้นอีกเยอะ แม้หลายเรื่องพยายามวางกับดัก ขุดไว้ดักพวกเรา แต่สุดท้ายก็โดนกับดักตัวเอง ขอฝากให้จับตาดูหลังจากนี้ อะไรที่เห็นอาจไม่ใช่ ที่ใช่อาจไม่เห็น อย่างเช่น การยุบพรรคเล็กไปรวมพรรคใหญ่ ซึ่งอาจจะมีอะไรอำพรางอีกเยอะ ที่ซ่อนไว้ แต่ในวันนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรทำให้เรากลัว ต่อไปนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับการเมือง มันจิ๊บๆ เมื่อก่อนมองพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเสือเป็นสิงห์ แต่เท่าที่ลองประกันดู เป็นมด เป็นแมว มากกว่า เขาเก่งในที่มืด เก่งแต่ในกติกาของเขา แต่พอออกมาในที่สภาฯแล้ว ก็เป็นเพียงแค่แมว หากวันข้างหน้าเราจะเดินหน้าต่อไป ไม่กลัวแม้แต่น้อย
นายจิรายุกล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงเกี่ยวกับพล.อ.ประยุทธ์ คือในเรื่องอารมณ์ การพูดการจาหลายครั้ง ที่พูดดูเหมือนส.ส.หรือคนฟังเป็นเด็กในโอวาท เวลาพรรคฝ่ายค้านอภิปราย พยายามสะท้อนให้เห็น ในสิ่งที่คนใกล้ตัวท่านอาจไม่กล้าพูด เราสงสัย ผู้นำประเทศ ทำไมไม่ค่อยมีความอดทน เพราะเราไมได้อยู่ในประเทศไทย แค่คนเดียว หากมีใครไปแหย่ท่าน ไปกดขีปณาวุธ ทำให้ประเทศในอาเซียนอื่นๆ เดือดร้อนไปด้วย คนรอบตัวท่าน ต้องกล้าพูดกับเจ้านาย 5ปีที่ผ่านมา มีแต่การอวยอย่างเดียว ในสภาฯพอพวกเราพูดถึงพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีใครลุกขึ้นประท้วง แต่พอพาดพิงนายชวน สมาชิกประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงกันพรึ่บ สะท้อนให้เห็นถึงรอยร้าวบางอย่างในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์
นส.จิราพรกล่าวว่า ครั้งแรกที่เจอพล.อ.ประยุทธ์ ตอนอภิปรายนโยบายรัฐบาล พอเห็นเขาอภิปรายแล้ว รู้สึกสงสารพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารตัวเอง แต่ต้องพยายามแสดงศักยภาพ พอเห็นจริงๆแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีศักยภาพพอในการบริหารประเทศเลย คนเราอาจมีทั้งขาว ทั้งดำ ทั้งดี ไม่ดี แต่ส่วนดีที่เขามี ไม่ได้เป็นประโยชน์ ต่อประเทศเลย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |