สายตรงถึงฮ่องกง


เพิ่มเพื่อน    

              Joshua Wong แกนนำการประท้วงที่ฮ่องกงบอกผมผ่านการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า แผนการต่อไปของฝ่ายประท้วงคือ

                1.ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยและมัธยมหยุดเรียนตั้งแต่ต้นกันยายนเป็นต้นไป

                2.จัดการชุมนุมต่อเนื่องทุกเสาร์อาทิตย์จนถึงวันที่ 1 ตุลาคมเพราะเป็นวันชาติ และปีนี้ครบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนด้วย

                ผมถามว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น? เขาตอบว่า "ถึงจุดนั้นค่อยว่ากันอีกที"

                โจชัว หว่องบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คือ จีนได้ระดมทหารและรถถังเตรียมพร้อมไว้ที่เซินเจิ้นตรงข้ามฮ่องกง และหากจีนตัดสินใจสั่งปราบผู้ประท้วงจริง ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะไม่เกิดการนองเลือด  และนั่นจะทำให้ฮ่องกงหมดสภาพการเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนแน่นอน

                ผมถามว่าเป้าหมายสุดท้ายของเขาคืออะไร?

                "Free elections" หรือสิทธิการเลือกตั้งอย่างเสรีในการเลือก ส.ส.และผู้บริหารคนละหนึ่งเสียงเท่าๆ  กัน ไม่ใช่ระบบที่ปักกิ่งเป็นคนเลือกสรรมาให้คนฮ่องกงเลือกอีกทีหนึ่ง

                ผมถามว่าโอกาสการเจรจามีหรือไม่?

                เขาตอบว่า "เราไม่เจรจากับ Carrie Lam ผู้บริหารสูงสุด เพราะเธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้  ทุกอย่างอยู่ที่ปักกิ่ง ดังนั้นถ้าจะมีการเจรจา และทางปักกิ่งอยากจะเจอกับตัวแทนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เราก็พร้อม แต่เรื่องใหญ่ตอนนี้คือการที่จีนเตรียมทหารจำนวนมากไว้ที่ชายแดน"

                ผมถามว่าเขารู้ไม่ใช่หรือว่า อย่างไรเสียประธานาธิบดีสี จิ้นผิงก็คงไม่ยอมให้คนฮ่องกงมีสิทธิ์เลือกตั้งอย่างเสรีได้ เขาตอบว่า "แต่เรื่องสิทธิเลือกตั้งอย่างเสรีหรือ Universal Suffrage มีระบุไว้ใน Basic  Law ที่เป็นข้อผูกพันระหว่างจีนกับคนฮ่องกง"

                ผมถามว่าเขายังเชื่อในระบอบ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" หรือไม่ เขาบอกว่า "ตอนนี้มันเหลือหนึ่งประเทศ หนึ่งระบบครึ่งแล้ว"

                วันเดียวกันนั้น (วันจันทร์ที่ผ่านมา) สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนอันแข็งขันของปักกิ่ง

                เนื้อหาหลักคือ ความรุนแรงที่ฮ่องกงกำลังทำลายความเจริญรุ่งเรืองและชื่อเสียงของฮ่องกงในสายตานานาชาติอย่างหนัก

                ตอนหนึ่งของแถลงการณ์นั้นบอกว่า "สถานการณ์ในฮ่องกงได้วิวัฒนาการจากการชุมนุมอย่างสันติไปสู่การกระทำผิดทางอาญาโดยคนไม่กี่คน และวิวัฒนาการจากการแสดงความเห็นอย่างสันติไปสู่การท้าทายฟางเส้นสุดท้ายของหลักการ หนึ่งประเทศ สองระบบ"

                แถลงการณ์นั้นอ้างว่า มีข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่แสดงว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฮ่องกงนั้น "มีผู้นิยมความรุนแรงอยู่แถวหน้า มีชาวเมืองที่หลงเชื่อคำชักชวนอยู่กองกลาง แต่เบื้องหลังกลับมีกลุ่มอำนาจ 'ต่อต้านจีนและปั่นป่วนฮ่องกง' ทั้งในและนอกฮ่องกงสนับสนุนการใช้ความรุนแรง"

                แถลงการณ์ไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐฯ โดยตรง แต่อ่านแล้วไม่ต้องสงสัยว่าหมายถึงใคร ที่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงและส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในฮ่องกง

                ข้อที่สามของแถลงการณ์นั้นประกาศชัดเจนว่า

                "การหยุดความรุนแรง แก้ปัญหาความวุ่นวาย คืนความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในเวลานี้..."

                แถลงการณ์ยืนยันสนับสนุน Carrie Lam เป็นผู้บริหารสูงสุดต่อไป

                "รัฐบาลกลางของจีนสนับสนุนให้แคร์รี หลั่ม เป็นผู้นำของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษเพื่อบริหารฮ่องกงตามกฎหมายต่อไป สนับสนุนให้ตำรวจฮ่องกงดำเนินตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและเป็นธรรม  สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานด้านตุลาการของรัฐบาลฮ่องกงลงโทษผู้กระทำผิดโดยใช้ความรุนแรงตามกฎหมาย และสนับสนุนให้ชาวฮ่องกงที่รักชาติช่วยกันปกป้องระบบตุลาการของฮ่องกง"

                พรุ่งนี้อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มของสถานทูตจีน มีหลายประโยคที่ต้องขีดเส้นใต้กันหลายเส้นทีเดียว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"