ถือเป็นการเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุด กรณีอุบัติเหตุรถตู้เช่าเหมาชนกับรถบรรทุกพ่วง ที่อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.15 น. บริเวณหน้าโรงพยาบาลวังสมบูรณ์ ใกล้กับที่ว่าการวังสมบูรณ์ ตำบลวังสมบูรณ์ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว
จากข้อมูลพบที่เกิดเหตุมีรถตู้ป้ายเหลือง ทะเบียน 34-0405 กรุงเทพฯ ชนกับรถพ่วงทะเบียนตัวแม่ 70-1234 อุตรดิตถ์ ทะเบียนตัวลูก 70-1235 อุตรดิตถ์ โดยพบว่ารถโดยสารไม่ประจำทาง ทะเบียน 34-0405 กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 11 คน แบ่งเป็น ชาย 5 คน หญิง 6 คน บาทเจ็บ 3 คน เป็นหญิง 3 คน ส่วนรถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 70-1234 อุตรดิตถ์ (ตัวแม่) 70-1235 อุตรดิตถ์ (ตัวลูก) บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน
ทั้งนี้ จากผลการตรวจสอบจากจีพีเอสพบว่า รถทะเบียน 34-0405 กรุงเทพฯ พบข้อมูลจีพีเอสล่าสุดก่อนเวลา 03.38 น. วันที่ 18 สิงหาคม 2562 ที่ความเร็ว 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรถทะเบียน 70-1234 อุตรดิตถ์ พบข้อมูลจีพีเอสสุดท้าย เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม 2562
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแลด้านการคมนาคมได้ให้ข้อมูลว่า กรณีรถตู้ป้ายเหลืองชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่ จ.สระแก้ว จนมีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าคนขับรถตู้หลับใน และจากการตรวจสอบข้อมูลจีพีเอส ไม่ได้ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต้องตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงในรายละเอียดต่อไป
ดังนั้นได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะผู้กำกับโดยตรง เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะในทุกประเภทอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดย ขบ.ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ต้องกล้าพักใช้ใบอนุญาตในกรณีที่รถบริการสาธารณะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมาย ต้องกล้ายกเลิกใบอนุญาตผู้ให้บริการทั้งผู้ประกอบการและคนขับ หากไม่พร้อมบริการอย่ามาให้บริการ ส่วนผู้รับบริการโดยเฉพาะผู้โดยสาร หากเห็นว่าผู้ให้บริการไม่พร้อม อย่าไปใช้บริการอย่างเด็ดขาด
และหลังจากนี้ หากรถทุกประเภทเกิดอุบัติเหตุ ได้สั่งการให้ ขบ.มีบทลงโทษเฉพาะข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพของรถด้วย เพื่อให้เกิดความเข้มงวดมากขึ้น
จากสถิติอุบัติเหตุของรถตู้นั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากผู้ขับยานพาหนะและสภาพแวดล้อมมากถึง 72% และมีสาเหตุจากยานพาหนะเพียง 2.9% เท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกคือ ผู้ขับยานพาหนะและการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า มีการปล่อยปละละเว้นการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยหลังจากนี้การตรวจสภาพรถจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
สำหรับรถตู้เก่าอายุครบ 10 ปี ที่จะหมดอายุระหว่างปี 2563-2572 นั้น มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 15,881 คัน แบ่งเป็น รถตู้หมวด 1 วิ่งกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 4,799 คัน รถตู้หมวด 2 กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดทุกเส้นทาง รวม 5,043 คัน รถตู้หมวด 3 วิ่งระหว่างจังหวัด รวม 3,891 คัน และรถตู้หมวด 4 วิ่งภายในจังหวัด รวม 2,148 คัน ส่วนรถตู้หมดอายุในปี 2561-2562 ที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นรถใหม่นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 1,248 คัน โดยมีรถตู้หมวด 1 และหมวด 2 มากที่สุดราว 1,132 คัน
ขณะเดียวกันหากผู้โดยสารพบว่ารถคันไหนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน สามารถถ่ายรูปโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียล) หรือร้องเรียนมาได้ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทั้งผู้ให้บริการ, ผู้โดยสาร และ ขบ. เพื่อให้เกิดมาตรฐานการบริการของรถโดยสารสาธารณะที่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ ขบ.กำลังรวบรวมปัญหาต่างๆ และความคิดเห็นเกี่ยวกับรถตู้โดยสารสาธารณะอยู่ สามารถแสดงความคิดเห็นมาได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่กำกับดูแลโดยเฉพาะเจ้ากระทรวงหูกวาง อย่างศักดิ์สยามเองก็ต้องเร่งหาแนวทางควบคุมที่เข้มข้นและเด็ดขาด โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพ ต้องเคร่งครัดให้ถูกที่ถูกทาง และต้องเข้าใจว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่มาจากคน ไม่ใช่รถ ดังนั้นต้องควบคุมที่ผู้ขับขี่อย่างเคร่งครัด อย่าเน้นที่ปริมาณ ผิดก็ว่าไปตามผิด ลงโทษอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เกิดการหลาบจำ และที่สำคัญต้องโปร่งใส ปลอดทุจริต หากทำได้เชื่อว่าอุบัติเหตุจะลดลงแน่.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |