ฮื่ออ์อ์อ์...มาอีกแล้ว ดูด แม้ยังไม่ถึงกับชัดเจนนัก ว่าดูดแบบไหน ใครดูดใคร จะเป็น เจ๊มิ่ง ถูกเขาดูด หรือ เจ๊มิ่ง ดูดเขา แต่ข่าวคราวเรื่องพลพรรคฝ่ายค้านของพรรค เศรษฐกิจใหม่ อาจไหลผลุบ หลุดผลัวะ ไปอยู่กับรัฐบาล ไม่ว่าทั้ง 6 ราย หรือ 5 รายก็แล้วแต่ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ออกจะเป็นอะไรที่มาแรง แซงโค้ง ซะเหลือเกิน...
------------------------------------------------
และถ้าหากเป็นจริง-เป็นจัง ดังที่ ข่าวล่า-มาเรือ ว่าเอาไว้แล้วไซร้...งานนี้ อะไรที่เคยปริ่มๆ ก็น่าจะถอนหายใจเฮือกๆ โฮกๆ กันได้สบายๆ โอกาสที่รัฐบาลจะเสียหมา เสียสุนัข เสียรังวัด คราวแล้ว คราวเล่า ในการลงมติในสภาฯ แต่ละครั้ง แต่ละครา ก็น่าที่จะปิดฉาก ปิดผ้าม่านกั้ง กันได้พอสมควร เพราะการเพิ่มจำนวนเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล ไปพร้อมๆ กับการลดจำนวนเสียงของฝ่ายค้าน ย่อมทำให้ช่องว่างระหว่างรูตะหมูก กับระดับน้ำ หรืออาการ ปริ่มน้ำ ของรัฐบาล ยิ่งถ่างกว้างยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
------------------------------------------------
ยิ่งถ้า ครูมานิตย์ และ ตี๋ใหญ่ แห่งพรรคเพื่อไทยจังหวัดสุรินทร์ ดันหลุดจากบ่อเกรอะไหลเข้ามาตามท่อพญานาค อันนี้...ก็ยิ่งไปกันใหญ่ หรือยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างเสียงสนับสนุนรัฐบาล กับเสียงของฝ่ายค้าน ยิ่งมีแต่เพิ่มกับเพิ่มยิ่งขึ้นไปเท่านั้น โอกาสที่จะปล่อยหมัดน็อก ให้รัฐบาลต้อง หลับกลางอากาศ ภายใน 3 เดือน 6 เดือน ยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย แนวโน้มที่ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปีพุทธศักราช 2563 ที่จะเข้าสภาฯ ในเดือนตุลาคมที่จะถึง น่าจะผ่านฉลุย คงไม่ถึงกับเป็นเรื่องยากซ์ซ์ซ์ แม้แต่ญัตติไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะลงมติ-ไม่ลงมติ อาจต้อง เดี้ยงแล้ว-เดี้ยงอีก ไปตามสภาพ อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...
------------------------------------------------
การ อยู่ยาวว์ว์ว์ ของรัฐบาล...เลยชักจะดูเป็นจริง เป็นจัง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้ายังไม่มีใครคิดจะเพลีย เพราะแรงดูด โอกาสผลุบหาย ผลุบหาย จากรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ กลายเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเรียกใช้บริการ ส.ว. เอาเลยก็ยังได้ เพราะด้วยฤทธิ์เดชของ ท่อพญานาค ที่เริ่มเดินเครื่อง เริ่มดูด ตั้งแต่ยังไม่ทันเลือกตั้งเอาเลยก็ว่าได้ และก็ยังคงเดินเครื่องมาโดยตลอดและอย่างสม่ำเสมอ การที่จะอาศัย วิถีทางรัฐสภา ในการโค่นล้ม เล่นงานรัฐบาล จึงน่าจะค่อยๆ ริบหรี่ลงไปตามลำดับขั้น โอกาสที่จะต้องกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ ภายใน 3 เดือน 6 เดือน ดังที่เคยคาดๆ กันไว้ เลยดูจะหนักไปทาง เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย ยิ่งเข้าไปทุกที...
-----------------------------------------------
และอาจด้วยเพราะเหตุนี้...การสอดส่ายสายตา มองหา วิถีทางอื่นๆ จึงเริ่มมีบรรดาพวก หัวใส หรือ หัวไอ้เรือง เริ่มหันมาพลิกตำรา พลิกกลยุทธ์ ยุทธวิธี กันมั่งแล้ว เช่น การหันไปอาศัย ภาคประชาชน หรือ มวลชน เป็นกองหน้า โดยที่บรรดาฝ่ายค้าน หรือพรรคการเมือง เป็นแค่กองหนุน หันไปอาศัยยุทธวิธีเก่าๆ ประเภท ชนบทล้อมเมือง หรือกระทั่ง โลกล้อมประเทศ กลับมาปัดฝุ่นกันใหม่ ก็อาจเป็นไปได้ โดยเฉพาะถ้าหากรัฐบาลยังเอาแต่ดูด หรือยังคงสนุกสนานอยู่กับการ อัดฉีด โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ถือเป็น เสถียรภาพที่แท้จริง นั่นคือ ความชอบธรรมทางการเมือง โอกาสที่จะต้อง หลับกลางอากาศ ไม่วันใด-วันหนึ่ง ก็ยังน่าจะเป็นไปได้อยู่ดี...
-----------------------------------------------
ซึ่งก็เอาเถอะ...จะหันไปใช้กลยุทธ์ ยุทธวิธี แบบไหน ชนิดไหนก็แล้วแต่ ในเมื่อสิ่งที่เรียกว่า การเมือง มันก็คือการแย่งชิง ช่วงชิงอำนาจ กันไปตามประสาของสัตว์โลก หรือ สัตว์การเมือง มานานแล้ว แต่สำหรับช่วงนี้ ระยะนี้ ถ้าหากยังเห็นแก่ชาติ บ้านเมืองเห็นแก่ส่วนรวม การหันไปใช้ วิถีทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ วิถีทางรัฐสภา ในการหักโค่น เล่นงาน ระหว่างกันและกัน คงต้องยอมรับว่ามันไม่น่าจะเข้าท่า หรือไม่น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมือง หรือแม้แต่ของโลก มากมายซักเท่าไหร่นัก เพราะโอกาสที่จะ แพ้กันไปทั้งประเทศ ไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะเอาเลยแม้แต่น้อย น่าจะมีสูงเอามากๆ...
-------------------------------------------------
คือเอาง่ายๆ ว่า...แค่ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ยังไม่ต้องทำอะไรกันเลย ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ก็แทบหายใจทางปาก ทางเหงือก หวิดๆ จะจมน้ำ ดำดิ่งลงสู่ห้วงหายนะแห่งความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ ชนิดอาจไม่มีโอกาสเงยหน้า อ้าปาก ขึ้นมาหายใจกันไปอีกนาน ตัวเลขจีดีพีจากที่เคยคาดๆ อยู่ที่ 3.8 ลดลงเหลือแค่ 2.7 การผลิตภาคเกษตรที่เคยอยู่ที่ 1.7 ลดลงเหลือ 1.1 เปอร์เซ็นต์ นอกภาคเกษตรที่เคยอยู่ที่ 2.9 ลดลงเหลือแค่ 2.6 การขยายตัวของการลงทุนจาก 3.2 ลดลงเหลือแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวเลขส่งออกแทบไม่ต้องพูดถึง มีแต่ลดลงๆ ในทุกๆ หมวดสินค้า ฯลฯ หรือต้องตกอยู่ในลักษณะอาการ ถึงไม่ตาย...ก็เลี้ยงไม่โต อะไรประมาณนั้น...
-----------------------------------------------
ดังนั้น...ถ้ายังต้องเจอกับการแย่งชิง ช่วงชิง อำนาจทางการเมือง ด้วย วิถีทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่วิถีทางตามครรลองโดยปกติ หรือ วิถีทางรัฐสภา ซึ่งได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว โอกาสที่จะ แพ้กันไปทั้งประเทศ หรือฉิบหายกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง จึงย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะฉะนั้น...ก็คงต้องขออนุญาตเตือน สติ เอาไว้ ณ ที่นี้ ว่าไม่ว่าจะแข่งขัน หักโค่น แย่งชิง ทำลาย กันในระดับไหนก็แล้วแต่ ยังไงๆ...คงต้องคิดถึงชาติ บ้านเมือง เอาไว้ก่อน อย่าให้ถึงขั้นต้องเอาแพ้-เอาชนะ กันในแบบซีเรีย แบบเวเนซุเอลา หรือแบบฮ่องกง ที่ยังหามุมจบกันไม่เจอ จนตราบเท่าทุกวันนี้...
-----------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon (อีกครั้ง)... “Patience is the virtue most needed just when we run of it.- ขันติธรรม หรือความอดทน อดกลั้น คือคุณสมบัติที่เรามักขาด โดยเฉพาะในยามที่เราต้องการมันมากที่สุด...”
--------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |