20 ส.ค.62 - นางธิดา ถาวรเศรษฐ เมียหมอเหวง และเป็นที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผก็จการแห่งชาติ แชร์โพสต์ที่ตัวเองเขียนไว้เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2557 เรื่อง "ที่มาและคุณสมบัติแกนนำมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม" โดยมีเนื้อหาดังนี้
เมื่อพูดถึงแกนนำมวลชน เราต้องแยกส่วนว่าเป็นแกนนำมวลชนฝ่ายประชาชนที่ก้าวหน้า เป็นฝ่ายมวลชนพื้นฐานที่เป็นคนส่วนใหญ่ หรือเป็นแกนนำมวลชนที่เป็นลูกหาบของผู้ปกครองอนุรักษ์นิยมที่กดขี่ประชาชน ไม่ยอมคืนอำนาจทางการเมืองให้ประชาชน
แกนนำมวลชน 2 แบบนี้ แม้จะมีคุณสมบัติร่วมที่เรียกความเชื่อถือจากประชาชนได้ดี แต่ก็จะมีคุณสมบัติต่างกันและที่มาต่างกัน
ลองพิจารณาแกนนำมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม สนธิ ลิ้มทองกุล, เสธ.อ้าย, และสุเทพ เทือกสุบรรณ มาจากไหน? และควรมีคุณสมบัติอย่างไร?
• ความเสียหายผลประโยชน์ส่วนตนหนักหนาสาหัส
• ความเห็นชอบของเครือข่ายระบอบอำมาตย์และมีศัตรูคนเดียวกัน
ในประเด็นแรกต้องมีคุณสมบัติที่สูญเสียผลประโยชน์ย่อยยับ ต้องการเกิดใหม่กรณี สนธิ ลิ้มทองกุล นั้น เป็นคนที่ตายไปแล้วทางธุรกิจ ทั้งล้มละลายและทำผิดพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ เข้าข่ายหลอกลวงตลาดหลักทรัพย์และผู้ถือหุ้น ความพยายามพลิกฟื้นเกิดใหม่ทางธุรกิจในยุคคุณทักษิณที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็คิดเอาเองว่าเพราะคุณทักษิณไม่ช่วย ไม่ว่าจะเป็นการได้ทีวีช่อง 11/1, 11/2 หรือปัญหาการเปลี่ยนผู้จัดการธนาคารกรุงไทยที่มีพระคุณในการช่วยเหลือสนธิ ลิ้มทองกุลในการย้ายหนี้สินและลดหนี้ (Haircut & Refinance) การเปลี่ยนผู้ปกครองจึงเป็นความหวังที่จะเกิดใหม่ของสนธิ ลิ้มทองกุล และยินดีสู้ตายเพราะตายมาแล้วหลายครั้งในทางธุรกิจ
นอกจากคุณสมบัติที่มีการสูญเสียผลประโยชน์ของตนเป็นแรงผลักดันสำคัญแล้ว จะต้องมีคุณสมบัติอื่นที่สำคัญคือ ต้องมีพลพรรคและเครื่องมือจำนวนมากพอ ซึ่งสนธิ ลิ้มทองกุลใช้เวลาสร้างปริมาณค่อย ๆ เพาะจำนวนคนมากขึ้นและกลุ่มเครือข่ายและเครื่องมือสื่อสาร ทั้งโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และ Social Media สนธิ ลิ้มทองกุลมีครบครัน กลายเป็นแบบอย่างของแกนนำมวลชนทุกกลุ่มในการขยายงานมวลชน
ถ้าพิจารณากรณี สุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างจาก สนธิ ลิ้มทองกุล ที่สนธิ “ตายทางธุรกิจ”แต่ สุเทพ เทือกสุบรรณ “ตายทางการเมือง” เพราะการได้เป็นรัฐบาลในปี 2552-2553 แล้วเข้าสู่การเลือกตั้ง 2554 ด้วยการลงทุนเต็มที่ ทั้งโดยใช้อำนาจรัฐและอำนาจทุนแต่ยังพ่ายแพ้ นี่เป็นโศกนาฏกรรมยิ่งใหญ่ หากพรรคประชาธิปัตย์และสุเทพไม่พลิกฟื้นสถานการณ์ใหม่ก็แปลว่าพรรคประชาธิปัตย์ถูกฝังในป่าช้าเรียบร้อย เป็นที่มาของวาทะที่บอกว่า “พวกผมไม่ได้แพ้พรรคเพื่อไทย แต่ผมแพ้คนเสื้อแดง” สุเทพ เทือกสุบรรณและพรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเปลี่ยนเวทีการต่อสู้ในรัฐสภามาอยู่ข้างถนน ดำเนินการจัดเวทีปราศรัยทั่วประเทศจนเข้าสู่กรุงเทพฯ นี่เป็นเรื่องที่คนตายทางการเมือง / ทางธุรกิจที่ยังมีความทะเยอทะยานสูงมาก ต้องการพลิกฟื้นคืนชีวิตของตนและคณะของตนขึ้นมา
ดังนั้นความพยายามจะพลิกฟื้นชีวิตใหม่จึงเป็นทั้งที่มาและคุณสมบัติสำคัญของ
แกนนำกลุ่มอนุรักษ์นิยมเป็นประการแรก ประการที่สองต้องมีเครือข่าย สมาชิก และมีศักยภาพในการเพิ่มมวลชนที่สนับสนุนให้ได้มากพอที่จะสั่นคลอนอำนาจกลุ่มบริหารประเทศในขณะนั้นอันเป็นศัตรูร่วมกันได้ ซึ่งประเด็นนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยิ่งใหญ่กว่า สนธิ ลิ้มทองกุล เพราะมีมวลสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มวลชนภาคใต้ และยังมีทรัพย์สินของกลุ่มตนเป็นฐานจำนวนหนึ่ง
ประเด็นที่สองความเห็นชอบจากเครือข่ายระบอบอำมาตย์เป็นองค์ประกอบสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะมีแรงผลัก มีมวลชนเท่าใด ถ้าเครือข่ายชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมไม่เห็นด้วย ก็ไม่อาจเป็นแกนนำมวลชนของฝ่ายชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมได้ เพราะการชุมนุมมวลชนอนุรักษ์นิยมเพื่อต่อต้านผู้บริหารประเทศที่มาจากการเลือกตั้งนั้น จำต้องอาศัยกลไกอำนาจรัฐ การทหาร และกระบวนการยุติธรรมเข้ามาปกป้อง และต้องมีกลุ่มทุนเครือข่ายอนุรักษ์นิยมมาสนับสนุนนับพัน ๆ ล้าน
ซึ่งกล่าวสำหรับแกนนำ 2 คนนี้ โดยความรู้และความสามารถเฉพาะตัวสนธิ ลิ้มทองกุลมีมากกว่า แต่เริ่มต้นโดยต้นทุนติดลบ กว่าจะสร้างมวลชนขึ้นมาจัดการกับคุณทักษิณ ชินวัตร ต้องออกแรงหนัก โหนเจ้า แต่ได้ตัวช่วยเมื่อคุณทักษิณขายหุ้น แต่ถ้าคุณสมบัติรอบจัด ก็สู้สุเทพไม่ได้ในแง่วิชามารและความเหี้ยม ดังกรณีสั่งคนปราบปรามประชาชน 2553 และให้มวลชนต่อสู้ด้วยอาวุธ
แต่ที่เหมือนกันคือ การบิดเบือนความจริง พูดความจริงครึ่งเดียว หรือเท็จทั้งเรื่อง การใช้วาจาให้เกลียดชัง เป้าหมายคือคุณทักษิณ ชินวัตร คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยภาษาหยาบคาย ตลอดจนใช้คำพูดประหนึ่งว่ากลุ่มตนได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่อยู่เหนือการเมือง เรื่องนี้สนธิใช้มากกว่าสุเทพ แต่ถ้าหยาบคายละก็ กลุ่ม กปปส. น่าจะมากกว่า สนธิใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ ขณะที่ กปปส. ใช้ธงชาติเป็นสัญลักษณ์เพื่อดึงคนมาร่วม
ดังนั้นคุณสมบัติและที่มาต้องได้รับการยอมรับจากชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่แกนนำอนุรักษ์นิยมควรรู้ไว้คือ ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมแต่ไหนแต่ไรไม่ต้องการเก็บขุนพลหลังใช้งานใหญ่ไว้ต่อไป ต้องปลีกวิเวกไปไหนให้พ้น ๆ มิฉะนั้นก็จะถูกจัดการตามคติ “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ดังเหตุการณ์หลัง 14 ตุลา ผู้นำนักศึกษาถูกจัดการอย่างรวดเร็วหลังชัยชนะประชาชน 14 ตุลาคม 2516 โดยทำให้แตกแยกเช่นแกนนำนักเรียนอาชีวะก็ถูก กอ.รมน. ดึงไปต่อสู้กับแกนนำนักศึกษา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวไล่นักศึกษาให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครองทันที จากนั้นการปราบปรามเก็บผู้นำนักศึกษาก็เกิดขึ้นเป็นลำดับจนฆ่าใหญ่เพื่อ พ.ศ. 2519
ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะไม่เก็บขุนพลที่ยังมีอำนาจควบคุมกำลังมวลชนไว้ โดยเฉพาะฝ่ายเดี่ยวกัน ไม่ให้มีอำนาจต่อรอง ดูเหตุการณ์ 14 ตุลา สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกลอบยิง ส่วนสุเทพ เทือกสุบรรณ ปลีกวิเวกเข้าวัด ไม่รู้ว่าเบื้องลึกใครแนะนำ? คงคิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางหลบที่ดีที่สุดกระมัง
ด้านหนึ่ง “รู้ความลับมากไป” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความลับที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม
ด้านสอง ปล่อยไว้ก็จะต่อรองผลประโยชน์ไม่รู้จบ ลำเลิกบุญคุณ
ด้านสาม ไว้ใจไม่ได้ อาจลุกขึ้นมาจัดการ ทรยศ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่หวัง
เพราะธรรมชาติของฝ่ายอนุรักษ์นิยมนั้นต่อสู้เพื่อผลประโยชน์กลุ่มตน คณะตน แต่หลอกลวงว่าเป็นฝ่ายคุณธรรม ทำเพื่อประเทศชาติ
เสธ.อ้าย นั้นเราไม่ได้กล่าวถึงมากนัก เพราะเสธ.อ้ายมาเร็ว...ไปเร็ว... อาจจะฉลาดก็ได้ที่ยกเลิกไปคราวม็อบแช่แข็ง เพราะแกไม่กะล่อนหลอกลวงมากพอ ไม่อึดมากพอ แกเห็นมวลชนไม่มากเป็นล้านตามคำมั่นสัญญาของเครือข่ายชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมและหน่วยงานความมั่นคงสัญญาไว้ว่าจะนำคนมาได้นับล้าน แกก็เลิกเลย ที่ตอนนั้นเขาเลือกเสธ.อ้ายเพราะคิดว่าไม่ทรยศเมื่อปีกกล้าขาแข็ง
แต่คุณสมบัติของแกนนำมวลชนอนุรักษ์นิยมที่สำคัญที่ต้องหลอกลวงเก่ง กล้าใช้ทุกวิธีตั้งแต่พ่อมดหมอผี (โดยสนธิ ลิ้มทองกุล) โหนเบื้องสูงและกล้าทำรุนแรง ไม่คำนึงว่าประเทศชาติจะเสียหาย เช่น ยึดสถานที่ราชการ ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ยึดทำเนียบรัฐบาล ขัดขวางผู้มาเลือกตั้ง ปิดล้อมหน่วยเลือกตั้ง ปิดการจราจร ใช้อาวุธสงคราม ทำร้ายประชาชนและตำรวจจนบาดเจ็บล้มตาย ฯลฯ ไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร? ประเภทพลีชาติเพื่อชีพ (และผลประโยชน์ตน) ไม่ใช่พลีชีพเพื่อชาติหรอก!!! มีทั้งลูกบ้า, วิชามาร, ความเป็นเผด็จการครบถ้วน ต่างกับแกนนำมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งจะนำเสนอต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |