สงครามการค้า ฉุด‘จีดีพี’ต่ำสุด ลุยกระตุ้นศก.


เพิ่มเพื่อน    

 สะดุ้ง! สภาพัฒน์เปิดตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/62 ขยายตัว 2.3% ต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส  เล็งปรับลดจีดีพีปี 62 เหลือโต 3% จากเดิมโต 3.3-3.8% เหตุได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าฉุดส่งออกติดลบ "ทศพร" ยันแค่เซยังไม่ทรุด ด้าน "อุตตม" ยอมรับตัวเลขไม่พลิกล็อก เดินหน้าชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ 3.16 แสนล้านบาทเข้า ครม.เศรษฐกิจ
    นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ไตรมาส 2 ปี 2562 ขยายตัว 2.3% ซึ่งเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส หรือในรอบเกือบ 5 ปี ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2557 เติบโตชะลอลงจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่จีดีพีขยายตัว 2.8% ส่งผลให้จีดีพีครึ่งปีแรก 2562 ขยายตัว 2.6%
    สำหรับปัจจัยหลักที่กระทบทำให้จีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้เติบโตชะลอลง ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี มาจากการส่งออกติดลบ 4.2% จากไตรมาสแรกที่ติดลบ 4% เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนได้ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวโต 3.2% นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ กระทบกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง  รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอลง และรายได้ท่องเที่ยวยังขยายตัวต่ำ
    "สศช.ปรับลดประมาณการจีดีพีปี 62 โต 3% หรือเติบโตในช่วง 2.7-3.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.6% หรือเติบโตในช่วง 3.3-3.8% ส่วนเศรษฐกิจปี 2563 คาดขยายตัว 3.5% โดยเหตุผลที่ปรับลดจีดีพีมาจากการส่งออกที่ชะลอลงมาก คาดส่งออกปีนี้ติดลบ 1.2% จากเดิมคาดโต 2.2% โดยมีความกังวลเรื่องภาวะความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซนเพิ่มเติม ขณะที่การบริโภคโต 4.2% และการลงทุนโต  3.8%" นายทศพรกล่าว
    อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภค ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องเร่งการส่งออกให้มูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีหลังไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เร่งการเบิกจ่าย การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ดูแลเกษตรกรแรงงานผู้มีรายได้น้อย เอสเอ็มอี และรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรยากาศการเมืองในประเทศ เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังขยายตัวได้ 3.4%  จึงจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 โต 3% ตามเป้าหมาย
    "เศรษฐกิจไทยแค่เซ ยังไม่ถึงกับทรุด แต่เราต้องทำอะไรบ้าง ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  เพราะปัจจัยเสี่ยงมีทั้งเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และความผันผวนเศรษฐกิจและการเงินโลก  รวมทั้งความเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้ง" นายทศพรกล่าว
    ด้านนายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ราว 3% มาจาก 1.การขยายตัวในเกณฑ์ดีของอุปสงค์ภายในประเทศ จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ขยายตัวตามฐานรายได้ครัวเรือน และมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ 2.การปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ ของภาคการส่งออก โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น 3.การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องของภาครัฐหลังจากมีรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณ การขับเคลื่อนการลงทุน การดูแลภาคการเกษตร และการแก้ปัญหาภาคการส่งออก เป็นต้น
    นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยว่า เป็นผลสืบเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีปัญหา และเป็นเครื่องสะท้อนชัดเจนว่าประเทศไทยต้องเอาจริงเอาจังในการดูแลเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจถูกกระทบไปมากกว่านี้
    ทั้งนี้ วันที่ 20 ส.ค. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ วงเงินดำเนินการทั้งสิ้น 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มได้ 0.55% และจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3% อย่างแน่นอน
    นายอุตตมกล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมาตรการเร่งด่วนและมีความจำเป็น โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องทำในขณะนี้คือ การประคับประคองและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้จ่ายและนักลงทุน เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ความเชื่อมั่นในส่วนนี้อ่อนตัวเร็วและมากเกินไป เนื่องจากกังวลว่าอาจจำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไทยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภายนอกไม่ได้แล้ว ถ้าไทยไม่มีมาตรการออกมาประคองเศรษฐกิจก็จะยิ่งทรุดไปมากกว่านี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าในระยะต่อไปประเทศขนาดใหญ่ที่กำลังมีปัญหากันในขณะนี้จะสามารถหารือกันและทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ ซึ่งมาตรการตรงนี้จะส่งผลดีให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ทันที
    สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการแจกเงินคนละ 1 พันบาทนั้นได้หารือกับ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์มาตรการอย่างเข้มข้นก่อนที่จะมีการใช้จริง โดยในส่วนของกระทรวงการคลังจะดูแลเรื่องการติดตั้งเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับร้านค้าทั่วประเทศ ให้สามารถรองรับการอุปโภคบริโภคผ่านระบบอีเพย์เมนต์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
    "เชื่อมั่นว่าหากทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับชุดมาตรการนี้ จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์และติดตามมาตรการ ว่าสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ดำเนินการลงไปนั้นตรงกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ว่าคนที่ได้รับเงินไปนั้นเป็นตัวจริงและมีการใช้จ่ายจริงๆ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ  เนื่องจากปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วนเริ่มส่งสัญญาณการเติบโตลดลง ซึ่งรัฐบาลเห็นสัญญาณแบบนี้และมองว่าหากปล่อยให้เศรษฐกิจเติบโตเองตามธรรมชาติ ก็ไม่มั่นใจว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโตได้ 3%  หรือไม่" นายอุตตมกล่าว
     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พิจารณามาตรการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียที่เดินทางมาไทยว่า กระทรวงการต่างประเทศเขาก็คัดค้านเรื่องนี้อยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอินเดียมีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน  การที่จะให้เขาเดินทางเข้ามาประเทศไทยง่ายๆ ตนก็ไม่ค่อยเห็นด้วย ทั้งนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือในเรื่องดังกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"