ตัวเลขไม่ค่อยดี 
    สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดจีดีพีไตรมาส ๒ ปีนี้ ขยายตัวแค่ ๒.๓% 
    เติบโตต่ำสุดในรอบ ๑๙ ไตรมาส 
    หรือในรอบเกือบ ๕ ปี 
    ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๗ คือหลังจากรัฐประหาร 
    นี่คือสถานการณ์ที่ต้องเตรียมรับมือกันให้ดี 
    "ทศพร ศิริสัมพันธ์" เลขาธิการ สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ใช้คำว่า แค่เซ ยังไม่ทรุด!
    ไม่เฉพาะไทยที่เป็นเช่นนี้
    หลายประเทศในยุโรปเริ่มติดลบ เช่น เยอรมัน  
    ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ทรุดทั้งนั้น  
    งานยากที่สุดรอ "รัฐบาลลุงตู่" อยู่นั่นคือ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร 
    ลำพังสถานการณ์ที่เกือบปกติ จีดีพีไทยยังโตรั้งท้ายอาเซียน จากนี้ไปในสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจดิ่งเหวทั่วโลก พูดได้คำเดียว หากรัฐบาลยังบริหารประเทศแบบเดิม เตรียมตัวแก้ปัญหาอื่นๆ ที่จะยกโขยงต่อเนื่องกันมา
    จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น 
    นั่นคือข่าวร้าย! 
    แต่ยืนยันได้ไม่ถึงกับพินาศแบบปี ๒๕๔๐ 
    กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ วงเงินดำเนินการ ๓.๑๖ แสนล้านบาท 
    จะเอาอยู่หรือไม่ พูดยาก เพราะมาตรการระยะสั้นเช่นนี้ใช้มาเกือบทุกรัฐบาล 
    หลายครั้งเหมือนเอาเงินไปถมทะเล  
    แต่ก็ต้องทำ! 
    ครับ...เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ
    ความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
    ฮ่องกงวิกฤติ
    นักท่องเที่ยวหาย
    งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๓ แน่นอนแล้วว่าล่าช้าไป ๓ เดือน 
    ไปเริ่มปีงบประมาณเอาเดือนมกราคม ๒๕๖๓ ความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายและการดำเนินนโยบายภาครัฐจะมีปัญหาหรือไม่ 
    โดยรวมแล้วปัจจัยลบมากกว่าบวก 
    นี่คือสถานการณ์ที่คนไทยต้องรู้ และเตรียมรับแรงกระแทกให้ดี.