สทศ. เร่งหา เบาะแส ต้นตอ เผยแพร่ภาพ ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ให้บอร์ด สทศ. พิจารณาโทษ มี.ค.นี้ ชี้ การนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ ผิดระเบียบการสอบแน่นอน ส่วนจะลงโทษอย่างไร ขอดูรายละเอียด ปลื้ม มีเด็กจำนวนมาก ไม่เห็นด้วยกับการนำโทรศัพท์ เข้าห้องสอบ ถือว่า ส่วนใหญ่รู้ระเบียบการเข้าห้องสอบดี ย้ำ เป็นความผิดของบุคคล ไม่จำเป็นต้องสอบใหม่
นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวถึงกรณีทีมีผู้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม ว่า “สอบโอเน็ต เอามือถือเข้าได้ด้วยเหรอ ทำไมคนนี้ถ่ายข้อสอบออกมาได้? #ONET” โดยระบุว่าไปเจอมาจากทวิตเตอร์ เป็นภาพข้อสอบที่ส่งกันในกรุ๊ปไลน์ ซึ่งต่อมามีการระบุว่าเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษ โพสต์ภายหลังสอบเสร็จซึ่งมีนักเรียนแชร์กระทู้ดังกล่าวจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่าระเบียบไม่ให้นำมือถือเข้าห้องสอบ ทำไมจึงนำเข้าไปได้ และเรียกร้อง ให้ สทศ.ดำเนินการตรวจสอบ และชี้แจง รวมถึงกรณีที่มีเด็กขอร้องให้ สทศ. พิจารณาข้อสอบวิชาสังคม ที่ถามว่า “บุคคลใดห้ามบวชเด็ดขาด” และข้อร้องให้เป็นคะแนนฟรี ว่า สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ตนรับทราบแล้ว กรณีที่มีนักเรียนนำข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษไปโพสต์นำลน์กลุ่มปิดนั้น ทราบว่าสทศ.อยู่ระหว่างตรวจสอบ เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เด็กต้องมีวินัย มีความซื่อสัตย์ ทั้งนี้ตนได้กำชับให้สทศ.ตรวจสอบให้ได้ว่าระบบรั่วที่ตรงไหน ส่วนการลงโทษผู้ทำผิดนั้นไม่น่ากังวลเพราะ มีระเบียบลงโทษอยู่แล้วทั้งเด็กที่โพสต์และอาจารย์ผู้คุมสอบ ส่วนกรณีเรื่องที่นักเรียนร้องขอให้คะแนนฟรีในวิชาสังคมศึกษานั้น ตนได้ให้นโยบาย สทศ.ไปทบทวนว่า คำถามข้อดังกล่าว กำกวมจริงหรือไม่ และคำถามมีความเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ ถ้าเกิดความผิดพลาดที่ข้อสอบก็ต้องยกประโยชน์ให้เด็ก อย่างไรก็ตามตนขอให้ทุกคนรอการเฉลยคำตอบของทาง สทศ.ก่อนเพราะแนวคิดการออกข้อสอบของอาจารย์แต่ละคน ไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องของการคิดวิเคราะห์ ซึ่งต้องรอคำอธิบายของผู้ออกข้อสอบ
ด้านนายสัมพันธ์ พันธ์ุพฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ. กล่าวว่า ขณะนี้ สทศ.ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และคณะทำงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร พร้อมทั้งได้แจ้งไปยังศูนย์สอบทั่วประเทศ 18 ศูนย์ ให้ช่วยตรวจสอบและหาแบะแสว่า คนที่นำข้อมูลนี้มาโพสต์เป็นใคร ซึ่งเท่าที่ดูในเบื้องต้นในช่วงค่ำของวันที่ 3 มีนาคม ได้มีการนำภาพข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษที่มีการสอบในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว ไปโพสต์ในกลุ่มไลน์ปิด ที่ใช้ชื่อว่า KMITL ซึ่งในกลุ่มไลน์ดังกล่าวก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นว่าการนำโทรศัพท์เข้าไปในห้องสอบได้อย่างไร การทำเช่นนี้เป็นการทำผิดระเบียบการสอบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และการที่เด็กแสดงออกเช่นนี้ แสดงว่าเด็กส่วนใหญ่รู้ระเบียบการเข้าห้องสอบดี แต่กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่รู้ว่าใคร ทำไปเพื่ออะไร และไม่รู้หรือว่าห้ามนำโทรศัพท์เข้าห้องสอบ ซึ่ง สทศ.ต้องตรวจสอบ แต่การที่นำโทรศัพท์เข้าห้องสอบถือว่าผิดระเบียบการสอบแน่นอน ส่วนจะลงโทษอย่างไรก็ต้องขอดูในรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กลุ่มปิดดังกล่าวเบื้องต้นมีสมาชิก 700 กว่าคน และเมื่อมีการโพสต์ภาพที่ผิดระเบียบ สทศ.ก็พบว่า สมาชิกทยอยออกจากลุ่มดังกล่าว เพราะรู้ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทีมงาน สทศ.ก็กำลังติดตามตัวสมาชิกในห้องนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้โพสต์บ้างแล้ว เช่น รูปหน้าของผู้โพสต์ ซึ่งน่าจะทำให้ทีมงานติดตามด้วยได้ และกรณีนี้ก็ถือเป็นความผิดของบุคคล ไม่จำเป็นต้องสอบใหม่อย่างที่มีนักเรียนกังวลกัน ส่วนบทลงโทษจะเป็นอย่างไรนั้น ได้ให้ทีมงานรีบตามตัวผู้โพสต์ให้พบโดยเร็ว แล้วนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ สทศ. ในเดือน มีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาลงโทษ ส่วนตัวตนคิดว่าผู้โพสต์ใจร้อนและประมาท เพราะ สทศ.มีกำหนดที่จะเผยแพร่ข้อสอบและเฉลยคำตอบอยู่แล้ว ภายหลังการสอบรอบพิเศษเสร็จเรียบร้อย ทั้งยังไม่ตระหนักถึงบทลงโทษของ สทศ.ที่ถือว่าหนัก แต่ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีที่นักเรียนส่วนใหญ่รู้ระเบียบของ สทศ.ดี และไม่ฝ่าฝืน ทั้งยังตำหนิที่มีผู้ทำผิดและรายงานให้ สทศ.ทราบด้วย อย่างไรก็ตาม หากใครทราบเบาะแสการทุจริตหรือการทำผิดระเบียบการสอน ขอให้แจ้ง สทศ.มาได้ทันที
“ส่วนกรณีข้อสอบวิชาสังคม ที่เด็กร้องมาว่า สทศ.ต้องให้คะแนนฟรี เพราะข้อสอบน่าจะถูกทุกข้อนั้น เรื่องนี้ สทศ.จะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะโดยปกติแล้ว เมื่อสอบเสร็จจะมีคณะกรรมการที่มาดูเฉลยข้อสอบอีกครั้งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สทศ.จะดูทุกข้อคิดเห็นจากเด็กๆ อยู่แล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ ทั้งนี้หากมีการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว จะแจ้งให้เด็กทราบ และหากข้อสอบมีปัญหาจริงต้องยกให้เป็นผลประโยชน์ของเด็กแน่นอน”ผอ.สทศ.กล่าว