แนะนักวิ่งมาราธอนประเมินความพร้อมร่างกายก่อนวิ่ง ส่วนคนจัดงานต้องจัดตามมาตรฐาน


เพิ่มเพื่อน    


19ส.ค.62-นพ. สุขุม กาญจพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีนักวิ่งเสียชีวิตซึ่งมีข่าวเป็นระยะ ๆ ว่า กระทรวงฯ สนับสนุนให้คนไทยออกกำลังกาย ซึ่งการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างไรก็ดี ผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีและผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป ขอให้ไปรับการตรวจสุขภาพประจำทุกปี ประเมินภาวะและความเสี่ยงสุขภาพ หรือโรคต่าง ๆ เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งต่อเนื่องในระยะทางไกล จะต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายมีการปรับตัวให้พร้อมกับกิจกรรมทางกายที่มีความเข้มข้นสูงและระยะเวลานาน มีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ประเมินร่างกาย และต้องเตรียมร่างกายให้มีความพร้อมก่อนวิ่งทั้งระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิตและหายใจ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงหมดสติและหัวใจหยุดเต้นได้ นักวิ่งจึงควรทานอาหารคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้นก่อนวิ่ง 1 วัน พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มสุรา และเช้าวันวิ่งควรทานอาหารที่ไม่หนัก เช่น นม กล้วย นอกจากนี้ ควรเตรียมตัวและอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวก แว่นตากันแดด ครีมกันแดด  


    พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การวิ่งมาราธอนในระดับโลกนั้น สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (International Association of Athletics Federations: IAFF)   ได้จัดทำมาตรฐานการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทถนน โดยเน้นที่การออกแบบการแข่งขัน ทั้งการวางเส้นทาง ความปลอดภัย จัดให้มีน้ำดื่มและอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก  กับผู้เข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับ ประเทศไทยพบว่าได้มีการนำมาพัฒนาต่อยอด โดยคณะกรรมการมาตรฐานการจัดงานวิ่งไทย ด้วยการสนับสนุนจากสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพไทย สสส. และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และปรับปรุงในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งในคู่มือ ได้ระบุการจัดกิจกรรมวิ่งประเภทถนนไว้ชัดเจนว่า การจัดการแข่งขัน วิ่งมาราธอนต้องมีหน่วยแพทย์ รถพยาบาล ประจำตลอดการแข่งขัน รวมถึงจุดปฐมพยาบาลตลอดเส้นทางการแข่งขัน โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีความเสี่ยงสูงว่าอาจมีผู้บาดเจ็บ หรือตำแหน่งที่ยากต่อการเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล  
    นอกจากนี้ จุดบริการปฐมพยาบาลหลัก  ควรมีเครื่องมือและบุคลากรเทียบเท่ากับจุดให้บริการทางการแพทย์หลังเส้นชัย จุดบริการปฐมพยาบาลระดับรองลงไปควรตั้งอยู่คู่กับจุดให้น้ำ เพื่อปฐมพยาบาลและช่วยให้นักวิ่งคลายความไม่สบายกาย  เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น อาการพองและเสียดสี และเพื่อขนย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักไปยังสถานที่ซึ่งมีอุปกรณ์รองรับที่เหมาะสมต่อไป โดยควรมีจุดบริการปฐมพยาบาลทุก 5 กิโลเมตร และตั้งอยู่ในระยะประมาณ 100 เมตร หลังจากจุดให้น้ำ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"