“อุตตม” รับไม่พลิกล็อกตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/62 โตต่ำสุดรอบ 19 ไตรมาส แจงเป็นเครื่องปลุกรัฐบาลเอาจริงเอาจังดูแลเศรษฐกิจ มั่นใจ ครม. ไม่ติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นดันจีดีพีโตได้เพิ่มอีก 0.55% เข็นทั้งปีโตได้ไม่ต่ำกว่า 3%
19 ส.ค. 62 - นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2562 ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ประกาศออกมานั้น ไม่ได้ต่ำไปกว่าที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ โดยเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีปัญหา และเป็นเครื่องสะท้อนชัดเจนว่าประเทศไทยต้องเอาจริงเอาจังในการดูแลเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจถูกกระทบไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ วงเงินดำเนินการทั้งสิ้น 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มได้ 0.55% และจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3% อย่างแน่นอน
“เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ไปได้อย่างเรียบร้อย เพราะก่อนหน้านี้ได้ผ่านการกลั่นกรองของ ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมาแล้ว และมาตรการ โดยประเมินว่าหากมาตรการฯ ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ก็จะเร่งดำเนินการได้ภายในปลายเดือน ส.ค. นี้ หรือไม่เกิน ต้น ก.ย. เพื่อให้มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด ซึ่งก็จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม กล่าวอีกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมาตรการเร่งด่วนและมีความจำเป็น โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องทำในขณะนี้ คือการประคับประคองและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้จ่าย และนักลงทุน เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ความเชื่อมั่นในส่วนนี้อ่อนตัวเร็วและมากเกินไป เนื่องจากกังวลว่าอาจจำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไทยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภายนอกไม่ได้แล้ว ถ้าไทยไม่มีมาตรการออกมาประคอง เศรษฐกิจก็จะยิ่งทรุดไปมากกว่านี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าในระยะต่อไปประเทศขนาดใหญ่ที่กำลังมีปัญหากันในขณะนี้จะสามารถหารือกัน และทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้ ซึ่งมาตรการตรงนี้ก็จะส่งผลดีให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ทันที
สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการแจกเงินคนละ 1 พันบาทนั้น ได้หารือกับ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์มาตาการอย่างเข้มข้น ก่อนที่จะมีการใช้จริง โดยในส่วนของกระทรวงการคลังจะดูแลเรื่องการติดตั้งเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับร้านค้าทั่วประเทศให้สามารถรองรับการอุปโภคบริโภคผ่านระบบอีเพย์เมนต์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
“เชื่อมั่นว่าหากทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับชุดมาตรการนี้ จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ และติดตามมาตรการว่าสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ดำเนินการลงไปนั้นตรงกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวว่าคนที่ได้รับเงินไปนั้นเป็นตัวจริง และมีการใช้จ่ายจริง ๆ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันตัวเลขเศรษฐกิจหลายส่วนเริ่มส่งสัญญาณการเติบโตลดลง ซึ่งรัฐบาลเห็นสัญญาณแบบนี้และมองว่าหากปล่อยให้เศรษฐกิจเติบโตเองตามธรรมชาติ ก็ไม่มั่นใจว่าจีดีพีปีนี้จะเติบไตได้ 3% หรือไม่” นายอุตตม กล่าว
อย่างไรก็ดี ในส่วนของมาตาการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย (มาตรการฟรีวีซ่า) ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวของ ทั้งฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวไปหารือถึงความเหมาะสมและความจำเป็นนั้น ก็จะมีการเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาด้วย โดยหากสรุปว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่มีความจำเป็น ก็ไม่ได้สร้างความกังวล หรือมีผลต่อภาพรวมการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่กระทรวงการคลังไดประเมินไว้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมจะออกมาใช้นั้น เน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
รมว.การคลัง ยังกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ว่า มีโอกาสและความเป็นไปได้ที่จีดีพีจะขยายตัวได้ที่ 3.5% หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมจะออกในปลายปีนี้ทำงานได้ดี สามารถประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |