7 พรรคฝ่ายค้านนำ 214 ส.ส.ยื่น ปธ.สภาฯ เปิดอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติปม “ประยุทธ์” ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ-แถลงนโยบายไม่มีแหล่งที่มารายได้ "ชวน” จ่อบรรจุวาระภายในเดือนนี้ พร้อมแจ้งนายกฯ มาชี้แจง ย้ำต้องมาตอบกระทู้ ประธานวิปฝ่ายค้านดักทางมอบคนอื่นมาตอบแทนไม่ได้ ยันพร้อมถอนญัตติหากแก้ไขให้ถูกต้อง "บิ๊กตู่" บอกเคารพประธานสภาฯ ลั่นกระทำเฉพาะพระพักตร์ เชื่อมั่นทำถูกต้องครบถ้วนกระบวนการ เหน็บการเมืองพูดไปแล้วไม่รับผิดชอบ ประเทศไทยต่อให้ "ลี เซียนลุง" ก็เอาไม่ไหวหากความเกลียดชังยังอยู่
ที่รัฐสภา เวลา 08.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม พรรคฝ่ายค้านนำโดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นำ 214 ส.ส. จาก 7 พรรคฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปซักถามข้อเท็จจริง และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ อันเป็นแบบแผนและขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ เป็นการกระทำเฉพาะพระพักตร์องค์พระมหากษัตริย์ผู้ใช้อำนาจแทนปวงชนชาวไทยผ่านทางรัฐสภา ครม. และศาล
"กรณีดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนทั่วไป และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยอมรับ แต่ก็ยังไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง กลับเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดิน จึงเกิดเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเข้ารับหน้าที่จนส่งผลต่อเนื่องไปถึงความถูกต้องสมบูรณ์ของการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งการแถลงนโยบายในครั้งนั้นก็ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายไม่ละเอียดครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 อีกด้วย จึงขอเสนอเปิดอภิปรายทั่วไป เพราะหากปล่อยเนิ่นช้าไป อาจส่งผลกระทบเสียหายร้ายแรงต่อการบริหารราชการแผ่นดินได้"
ด้านนายชวนกล่าวว่า กระบวนการตามมาตรา 152 เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไป ถือเป็นเรื่องใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะของเดิมไม่มีกำหนดไว้ ซึ่งระเบียบตามมาตราดังกล่าว ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ มีแต่เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงต้องอนุโลมตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเดิมไปก่อน และจากนี้ตนจะนำไปมอบให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในฐานะรับผิดชอบเรื่องกระทู้ และญัตติตรวจสอบความถูกต้อง หากไม่มีอะไรต้องแก้ไข ตนจะแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทรายภายใน 7 วันก่อนที่จะนำบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้ ครม.ทราบต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดอภิปรายทั่วไปตามญัตตินี้ได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาต้องยึดตามข้อกฎหมายเป็นหลัก รัฐสภาไม่มีแนวทางอื่น นอกจากทำตามข้อบังคับการประชุม
“พล.อ.ประยุทธ์จะมาตอบเองหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องไปถามรัฐบาลเอง อย่างกระทู้ถาม ผมเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรต้องมาตอบ เพราะตามหลักการ การที่ไม่มาชี้แจงต่อสภาจะต้องแจ้งถึงเหตุผลตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 150 กำหนด หาก ครม.เห็นว่าเรื่องนั้นยังไม่ควรเปิดเผย เพราะจะกระทบต่อความมั่นคงก็ต้องแจ้งมา อย่างไรก็ตาม ผมจะให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งไปยังท่านนายกฯ ให้ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ท่านนายกฯ ไม่เคยแจ้งเหตุผลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรมายังสภาเลย” นายชวน กล่าว
นายสุทินกล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์แก้ไขกรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนตามที่เคยระบุไว้ให้ลุล่วง และคลายกังวล พรรคฝ่ายค้านพร้อมถอนญัตติดังกล่าว แต่หากนายกฯ ไม่ดำเนินการแก้ไข และปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสภาตามญัตติดังกล่าว จะถือว่านายกฯ จงใจเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระบวนการต่อไป พรรคฝ่ายค้านอาจจะพิจารณาช่องทางเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งกระบวนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บี้นายกฯต้องมาชี้แจง
"กรณีการกระทำสิ่งที่ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรม หรือช่องทางของสภาผู้แทนรษฎร ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อไม่ไว้วางใจนายกฯ ดังนั้นยืนยันว่ากรณีการชี้แจงนายกฯ ไม่สามารถเลี่ยงการชี้แจงหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นมาชี้แจงแทนตนเองได้ รวมถึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างกรณีที่มีบุคคลยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกรณีดังกล่าวและต้องรอผลการตรวจสอบ"
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวด้วยว่า การใช้เวลาอภิปรายในญัตติดังกล่าว ไม่สามารถเรียกว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเนื้อหาหรือรายละเอียดไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวกับการทุจริต หากญัตติได้รับการบรรจุในวาระประชุมพรรคฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปรายอย่างน้อย 2 วัน และมากสุดไม่เกิน 3 วัน และจะเป็นสิทธิของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่จะเป็นผู้อภิปรายได้เท่านั้น ส่วน ส.ส.พรรครัฐบาลไม่มีสิทธิอภิปราย ส่วนที่ต้องใช้เวลาจำนวนมาก เนื่องจากมีรายละเอียดที่ต้องซักถาม และมีรายละเอียดที่ต้องได้รับคำชี้แจง โดยเฉพาะกรณีการแถลงนโยบายของครม.ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคม ที่ต้องระบุรายละเอียดของแหล่งที่มารายได้ ซึ่งจะนำมาใช้ในนโยบายด้านต่างๆ
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติดังกล่าวว่า เป็นเรื่องของกลไกรัฐสภา ซึ่งตนก็เคารพ ขอให้เป็นขั้นตอนตรงนั้นไป โดยทุกครั้งที่ตนไม่ได้ไปตอบกระทู้ถามในสภา ก็เพราะมีภารกิจที่กำหนดล่วงหน้าอยู่แล้ว มีตารางงานล่วงหน้าทุกวัน ตนก็ไปตอบไม่ได้ หากมีการตั้งกระทู้ถามขึ้นมาใหม่ก็ต้องดูว่าจะไปตอบได้หรือไม่
"โดยวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนไปเยี่ยมผู้พิการทางสายตา ไม่ได้ว่างมากที่จะไปเตะฟุตบอล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ขอให้ช่วยกันด้วย เพราะไม่ได้ไปแค่เตะฟุตบอลและชักเย่อเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ ที่รัฐบาลดูแลและไม่ทอดทิ้งผู้พิการทางสายตา และได้นำ ครม.ไปดูด้วย เพื่อกำหนดแผนงานโครงการต่างๆ ซึ่งต่อไปผมจะไปตรวจเยี่ยมเกี่ยวกับภัยแล้ง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายค้านยื่นญัตติจะไปตอบในสภาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ท่าน” ส่วนที่นายชวนระบุว่าจะเป็นตั้งกระทู้ถามหรือการอภิปราย นายกฯ จะต้องไปตอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อะไรก็แล้วแต่ ผมเคารพประธานสภาฯ อยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่านายกฯ กลัวสภา และกลัวการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมจะกลัวเขาทำไม ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” เมื่อถามย้ำว่าฝ่ายค้านจึงอยากให้นายกฯ ไปชี้แจง จะได้หาทางออกร่วมกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ขอบคุณนะ ขอบคุณ” ก่อนจะยิ้มให้สื่อมวลชน พร้อมกับกล่าวต่อว่า “ผมเชื่อมั่นว่าผมทำครบถ้วนกระบวนการอยู่แล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ”
กระทำเฉพาะพระพักตร์
“ผมก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะตั้งกระทู้รึเปล่า จะอภิปรายรึเปล่า ก็ไปว่ากันอีกทีละกัน ผมมีขั้นตอนของผมอยู่แล้วในการแก้ปัญหาของผม ซึ่งผมมีฝ่ายกฎหมายของผม ดังนั้นผมก็ต้องฟัง อะไรที่จะมีผลกระทบไปอื่นๆ ต้องระวังให้มากที่สุด เข้าใจไหม เพราะเรื่องนี้ผมกระทำต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้เข้าใจให้ตรงกัน” นายกฯ กล่าวเมื่อถามว่าจะเร่งเคลียร์คิวเข้าสภาเมื่อใด
เมื่อถามว่าการเมืองในวันนี้ทำให้รัฐบาลเป๋ไปเป๋มาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เคยเป๋ ยังเดินเข้มแข็ง เดินตรงทางตลอด ไม่มีหกล้ม แต่วันนั้นหกล้มกับเด็ก ก็เตะบอล ไปหาว่าตนซวนเซ แล้วจะไปเตะแรงๆ กับเด็กได้หรือไม่ ส่วนการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ ตนไม่รู้ ให้พวกเราช่วยกันวิเคราะห์วิจารณ์ ก็ดูในโซเชียลมีเดีย และการพูดในสภาเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ที่ตน ต้องแก้ที่ประชาชนว่าจะทำอย่างไร ขอให้ช่วยกันทุกคน
ก่อนหน้านั้น ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นำคณะผู้แทนประเทศไทย ผู้บริหารและคณะทำงาน เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ โดยนายกฯ กล่าวกับคณะผู้แทนฯ ว่า การได้พบกับเด็กทุกคนในวันนี้ เป็นอีกวันที่ทำให้มีความสุข หากเปรียบเป็นพีระมิดต้องถือเป็นคนที่มีสมอง มีความตั้งใจ มีขีดความสามารถอยู่บนยอดพีระมิด แต่ฐานพีระมิดยังกว้างอยู่ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการกำลังแก้ไข โดยรัฐบาลกำลังดำเนินงานทุกปัญหา ขอเพียงความเข้าใจและกำลังใจให้รัฐบาลและรัฐมนตรี โดยเฉพาะครม.ของเรา
“ส่วนการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของการพูดแล้วไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ซึ่งควรจะต้องเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ขอยืนยันว่า 4 ปีต่อไปของรัฐบาลนี้ จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพราะหลายอย่างต้องแก้ไข มีกติกาและกฎหมายที่ซ้ำซ้อนทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้า ขอฝากให้ทุกคนรักและสามัคคีกัน ทุกวันนี้คนไทยอดทนน้อย มีความอดทนที่จำกัด ไม่ชอบอะไรที่รอนาน เพราะคิดแต่ว่าโลกประชาธิปไตยจะทำอะไรก็ได้ แต่แล้วได้อะไรกลับมา ทั้งที่ไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน หากไม่มีหลักการ ประชาธิปไตยทุกอย่างมันมีทั้งดีและไม่ดี อาจจะดีที่สุดในโลกปัจจุบัน แต่ก็มีปัญหามากพอสมควรในการบริหารประเทศ ยุคนี้ในทุกภูมิภาค ไม่ใช่ว่าประเทศเรามีประชาธิปไตยน้อยกว่าใคร ถ้าหากน้อยคงไม่มีใครมาพูดจาเลอะเทอะอยู่แบบนี้ และนี่คือประชาธิปไตยเต็มที่ สื่ออยากเขียนอะไรก็เขียน ดังนั้นขออย่าเบื่อหน้าลุง เพราะสื่อจะพาดข่าวหน้า 1 ทุกวัน ขอร้องอย่าเบื่อกัน เพราะผมก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลว่า มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ดีที่สุด เพราะถือเป็นอนาคตของประเทศ โดยต้องรู้จักแบ่งปัน ไม่เห็นการทุจริตเป็นเรื่องปกติธรรมดาหากตัวเองได้ประโยชน์ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประเทศล่มจมแน่ การนำตัวอย่างประเทศมหาอำนาจมาใช้ต้องมองด้วยว่า ที่ผ่านมาประเทศเหล่านั้นผ่านอะไรมาบ้าง อาจมีการทำสงคราม รบรากัน ขณะที่ประเทศไทยก็มีการรบกันด้วยปาก ทะเลาะเบาะแว้งกัน และทำให้ตนเองอารมณ์เสียอยู่ทุกวันนี้ แม้วันนี้จะพยายามอารมณ์ดี มีคนข้างนอกเข้ามาช่วย เช่น โฆษกรัฐบาลคนสวย มาช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้ เพราะฉะนั้นตนก็จะไม่พยายามไปโต้เถียง เพราะขี้เกียจพูด พูดมา 5 ปีแล้ว เหนื่อย
ทำทุกอย่างถูกต้อง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีถามเด็กๆ ว่า เคยมาเยี่ยมทำเนียบรัฐบาลหรือยัง อยากให้ไปเยี่ยมชม วันหน้าจะได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าไหวก็ช่วยนายกฯ หน่อย
“เพราะประเทศไทย ต่อให้ลี เซียนลุง ก็เอาไม่ไหว หากความเกลียดชังยังอยู่ ประเทศไทยจะเดินต่อไปไม่ได้ โดยเฉพาะความพยายามที่จะให้รัฐบาลเป๋ไปเป๋มา ความน่าเชื่อถือก็จะหายไป ผมยืนยันว่าผมทำทุกอย่างถูกต้องทุกประการ เราไม่อาจไปก้าวล่วงใดๆ ได้ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นการกระทำของนายกรัฐมนตรี กับทั้ง ครม.ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่ากังวล ไม่ต้องห่วง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป จะกระทบการทำงานหรือไม่ เพราะเพิ่งเข้ามาทำงานว่า ทุกคนต่างทำหน้าที่ อะไรที่เป็นสิ่งที่พึงทำได้ตามหน้าที่ก็ต้องทำ
ส่วนกรณีรัฐบาลแพ้โหวตร่างข้อบังคับการประชุมสภาถึง 2 ครั้ง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) ต้องทำงานให้หนักขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเสียงไม่พอ แต่เป็นเรื่องที่ส.ส.และรัฐมนตรีบางคนติดภารกิจ เข้าไปลงคะแนนไม่ทัน ฉะนั้นจะต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น
เมื่อถามว่า จะต้องพิจารณาหรือเปลี่ยนแปลงในส่วน ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ก็ต้องพูดคุยกัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการทำงานของรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากการที่เรามีเรื่องเสียงไม่พอในการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา จะเป็นการกระตุ้นให้มีการประสานงานกันมากขึ้น ย้ำว่าไม่ใช่เสียงไม่พอ แต่เป็นเรื่องการประสานงานและติดภารกิจ ทำให้เข้าไปลงคะแนนไม่ทัน จากนี้ต้องเน้นเรื่องการประสานงาน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตร่างข้อบังคับการประชุมสภาถึง 2 ครั้ง เนื่องจากรัฐมนตรีและ ส.ส.หายไปหลายคน ว่า ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ขาดประชุมสภาหลายคน แต่การลงมติครั้งที่ 2 มีพรรคร่วมรัฐบาลบางคนอาจเห็นต่าง คิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งถือเป็นสิทธิของสมาชิก เพราะไปดูแล้วสาเหตุไม่ได้มาจากเสียงของรัฐบาลน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก เนื่องจากเข้าใจแนวทางแล้วว่าสาเหตุไม่ใช่มาจากมาไม่ครบหรือขาดเยอะ หรือไม่รับผิดชอบ หากไปดูรายละเอียดการโหวตทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้โหวตในทิศทางเดียวกัน เหมือนฟรีโหวต ที่ทุกคนสามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันในข้อบังคับแต่ละข้อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นการพิจารณากฎหมายสำคัญ แล้วรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ติดภารกิจจะแก้ปัญหาอย่างไร นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ได้พูดคุยกันแล้ว จะให้มีการดูแลให้มีระเบียบวินัยครบถ้วนทุกคน ต้องรับผิดชอบ และตอนนี้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ยังไม่ต้องลาออก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จริงๆ แล้วทุกพรรคเห็นด้วยอยู่แล้ว ในเรื่องของระเบียบข้อบังคับการประชุมสภา แต่ตอนหลังพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าจะต้องแก้ไข แต่มองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญจะออกซ้ายออกขวา ที่ทำให้พรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายรัฐบาลแพ้ แล้วจะเกิดปัญหา ไม่ใช่ทำให้เกิดผลเสียหายหรือทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าเป็นเรื่องสำคัญเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนจะพร้อม แต่การลงมติที่ผ่านมารัฐมนตรีบางคนอยู่ระหว่างการประชุม และเชื่อวิปรัฐบาลคุยกันตลอดอยู่แล้ว
ไม่กังวลรัฐบาลแพ้โหวต
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลต่อเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นการลงมติข้อบังคับสภา ซึ่งบางคนอาจคาดไม่ถึงหรือคิดกันไปต่างๆ โดยไม่ได้จริงจังกันมาก ขณะเดียวกันตอนนี้ยังใหม่ๆ ก็ต้องปรับตัวกันบ้าง จึงมั่นใจและรับประกันได้ว่าถ้าเป็นการลงมติในวาระสำคัญหรือร่างกฎหมายฉบับสำคัญๆ จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะคุมกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องกำชับ ส.ส.ตัวเองด้วยหรือไม่ เพราะมีชื่อ ส.ส.ของพรรคหลายคนที่ไม่ขาดประชุม นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องห่วงอะไร และเรื่องการลงมติเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เราคงจะย้ำกันอีกนิดก็ได้ ทั้งนี้ วิปรัฐบาลมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่ทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลต้องช่วยกันด้วย
“การลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนเลย แต่เป็นเรื่องภายในของ ส.ส. ของสภา จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งสภาที่มีทุกพรรค วันนี้ถ้าคุณคิดมาตั้งแง่กันแต่เรื่องของตัวเอง ประเทศจะเดินไปได้อย่างไร” นายเฉลิมชัยกล่าว
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สำหรับตนที่ไม่ได้เข้าไปโหวต เพราะติดภารกิจ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา พอรัฐบาลมีเสียงปริ่มก็หาว่ารัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ แต่คิดว่าฝ่ายรัฐบาลอยู่ได้ และไม่กระทบการทำงาน เพราะเป็นเพียงการโหวต แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาหากโหวตกฎหมายสำคัญ ทั้งนี้ การโหวตต้องมีแพ้มีชนะกันบ้าง ถือเป็นการยอมกันบ้าง ถอยกันบ้าง นิดๆ หน่อยๆ ชนะกันหมดก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา และพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่มีนโยบายให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ลาออก
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ใจความว่า รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแพ้โหวตในสภาไปแล้ว 2 ครั้ง แม้จะอ้างว่าเป็นเรื่องข้อบังคับ แต่ผมเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีอีก ส่วนที่ พปชร. เกทับว่ามีเสียง ส.ส.ในมือไม่น้อยกว่า 280 เสียง หมายถึงมีฝ่ายค้านร่วมด้วยนั้น อาจเป็นไปได้ถ้าเป็นการเรียกไปรับวิตามินหรือกินข้าวโชว์ตัวให้คนในพรรคเห็น แต่ถ้าจะให้โหวตในสภา ซึ่งตรวจสอบได้ว่าใครลงคะแนนอย่างไร คงไม่ง่าย
"สภาพการเมืองแบบนี้ถ้า ส.ส.ฝ่ายค้านโหวตให้รัฐบาลก็จะถูกเปิดเผยว่าเป็นงูเห่า ผมอยากเห็นจริงๆว่าใครจะทำอย่างนั้น นักการเมืองประเภทแอบรับเดิมพันข้ามฝ่ายพร้อมจะพลิกไปพลิกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ใครต้มใครคงจะได้เห็นกัน ที่เจ็บปวดคือการเมืองไร้เสถียรภาพแบบนี้กลับเป็นเรื่องที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจต้องการ เขียนกติกา และทำทุกอย่างก็เพื่อให้การเมืองในระบบอ่อนแอ อำนาจนอกระบบและเครือข่ายจึงยังมีอิทธิพลอยู่ได้ นี่ไม่ใช่ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่เป็นปฏิกูลที่อยู่ในระบบเลือกตั้ง" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ลุงตู่ตูน ซึ่งเป็นเพจที่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ ความยาว 1.22 นาที ในหัวข้อ "ฟังเสียงประชาชน แก้รัฐธรรมนูญ กับ แก้ปัญหาปากท้อง โจทย์ที่รัฐบาล-นักการเมือง ต้องเลือกว่าจะทำอะไรก่อน"
โดยคลิปดังกล่าวเปิดคำถามว่า แก้รัฐธรรมนูญ หรือแก้ปากท้อง โดยประชาชนส่วนหนึ่งจากหลายสาขาอาชีพต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า แก้ปัญหาปากท้องก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เพราะปากท้องสำคัญมากกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำตอนไหนก็ได้ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ไม่ดี เป็นต้น ในคลิปยังทิ้งคำถามชวนให้ตอบอีกด้วยว่า แล้วคุณคิดว่าอะไรสำคัญกว่า และทันทีที่ปล่อยคลิปดังกล่าวออกมา ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยส่วนใหญ่เห็นว่าปากท้องสำคัญที่สุ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |