"รองโฆษก สตช." แจงกองปราบฯ รวมคดีบึ้มป่วนกรุง เพิ่มความสะดวกทำสำนวนสอบสวน พร้อมคุมตัว 2 ผู้ต้องหาซุกระเบิดป้าย สตช.ฝากขังผลัดแรก 12 วัน ค้านประกันตัวกลัวหลบหนี ศาลอนุมัติส่งตัวคุมขังเรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง ตั้งอยู่ในค่าย พัน.ร.มทบ.11 "ราชทัณฑ์" รับตัวตรวจร่างกายทำประวัติผู้ต้องขังใหม่
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวถึงการดำเนินคดีระเบิดป่วนกรุงว่า สำนวนการสอบสวนได้รวมคดีให้กองปราบปรามดำเนินการ ซึ่งไม่ต้องรอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เซ็นหนังสือสั่งการ แต่เป็นหลักปฏิบัติที่เจ้าหน้าที่ต้องทราบและปฏิบัติตามอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีการเซ็นหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการทุกครั้ง ส่วนงานสืบสวนสอบสวนยังคงเป็นหน้าที่ของคณะทำงานที่ ผบ.ตร.แต่งตั้งไว้ก่อนหน้านี้ และก็มีตำรวจของกองปราบปรามรวมอยู่ในคณะด้วย
"การรวมคดีมาที่กองปราบปรามนั้น เป็นการทำเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากและสับสน การทำสำนวนคดีโดยกองปราบฯ จะมีหน้าที่ในการรวบรวมสำนวนจากคณะทำงานในแต่ละพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้ง่ายต่องานธุรการในชั้นศาล" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
ถามถึงผู้ต้องหา 4 ราย ที่ออกมาหมายจับเพิ่มเติมเกี่ยวข้องในคดีระเบิดป่วนกรุงอย่างไร รองโฆษก สตช.กล่าวว่า ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในคดีวางระเบิดในพื้นที่ย่านปทุมวัน ส่วนจะอยู่ในระดับใดของขบวนการนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมทั้งชุดสืบสวนสอบสวนยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ซักว่า มีข่าวผู้เกี่ยวข้องหลายคนหลบหนีในประเทศเพื่อบ้าน รองโฆษก สตช.กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน
พ.ต.อ.กฤษณะยังปฏิเสธข่าวการควบคุมตัว 18 ผู้ต้องสงสัยร่วมก่อเหตุมาซักถามที่จังหวัดยะลาว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบถึงรายละเอียด และในเบื้องต้นยังไม่มีการกำหนดว่าจะมีการส่งผู้ต้องสงสัยรายใดมาดำเนินคดีในกรุงเทพฯ
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 459/2562 ควบคุมตัวนายลูไอ แซแง อายุ 22 ปี และนายวิลดัน มาหะ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติมายื่นคำร้องฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-26 ส.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน รอผลตรวจพิสูจน์จากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลการสืบสวนประกอบสำนวนการสอบสวน รอผลการตรวจสอบประวัติการพิมพ์มือของผู้ต้องหาทั้งสอง
คำร้องพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเวรสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับแจ้งจากแม่ค้าว่า พบเห็นวัตถุต้องสงสัยในพุ่มไม้บริเวณที่เกิดเหตุ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดมาตรวจสอบและเก็บกู้ จากนั้นตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงเก็บรวบรวมหลักฐาน จนพบว่านายลูไอ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายวิลดัน ผู้ต้องหาที่ 2 เดินคู่กันมาบนทางเท้าหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้นั่งที่หน้าป้ายรถเมล์ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ดูต้นทาง เมื่อสบโอกาสผู้ต้องหาที่ 1 ได้นำวัตถุออกจากกระเป๋าและนำไปซ่อนในพุ่มไม้ จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองรีบเดินไปทางแยกเฉลิมเผ่าเพื่อหลบหนี จนกระทั่งถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดฐานอั้งยี่, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพกพาระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4), 371, 392, 80, 32, 83, 91 ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุด้วยว่า หากศาลให้ฝากขัง ขอให้มีคำสั่งให้คุมขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง (ย่านคลองประปา) ซึ่งเป็นเรือนจำที่อยู่ในสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองแล้วจะหลบหนี หรืออาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนได้ พนักงานสอบสวนจึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง
ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนฝากขังแล้ว ปรากฏว่าไม่มีญาติของผู้ต้องหาทั้งสองมายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปด้วยรถตู้ โดยมีตำรวจชุดอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือที่ติดตามผู้ต้องหามาตั้งแต่แรกติดตามไปด้วย ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมีสีหน้ายิ้มแย้ม
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้องได้รับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกระบวนการรับตัวเป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจโรคผู้ต้องขังใหม่ทุกครั้ง แม้ว่าผู้ต้องขังจะถูกส่งไปควบคุมตัวไว้ในเรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง ซึ่งอยู่ในความดูแลของค่ายทหาร แต่ผู้ต้องขังจะได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ภายใต้ระเบียบของเรือนจำทั่วไป
ทั้งนี้ เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เป็นเรือนจำที่ควบคุมผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ และคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งอยู่ในพื้นที่ พัน.ร.มทบ.11 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ มีเนื้อที่ 1 ไร่ 12.64 ตารางวา ตามประกาศกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 62 ที่ให้ยกเลิกยกเลิกเรือนจำชั่วคราวแขวงนครไชยศรี ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต และกำหนดอาณาเขตเรือนจำใหม่เรียกว่า เรือนจำชั่วคราวแขวงทุ่งสองห้อง เนื่องจาก พัน.ร.มทบ.11 ย้ายมาเปิดทำการที่แขวงทุ่งสองห้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือนจำที่ควบคุมผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ เคยถูกใช้คุมขังและสอบสวนผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง เช่น คดีระเบิดราชประสงค์ กรณีของนายอาเดม คาราดัก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |