กองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในเมียนมาร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการโจมตีพร้อมกัน 5 จุดในพื้นที่ภาคเหนือ เผาสถานีตำรวจ บุกถล่มโรงเรียนฝึกทหารช่างฆ่าเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและพลเรือนรวมอย่างน้อย 14 คน กองทัพเผยเป็นการโจมตีตอบโต้ที่กองทัพทลายแหล่งผลิตยาเสพติดยึดยาไอซ์มูลค่ามหาศาลในรัฐชานเมื่อเดือนที่แล้ว

ซากรถยนต์โดนเผาที่ด่านควบคุมยาเสพติดในเมืองนองโช รัฐชาน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 / AFP

    รายงานของเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2562 อ้างคำแถลงของโฆษกกองทัพเมียนมา และตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยที่เคลื่อนไหวในภาคเหนือของเมียนมา ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอยู่ตั้งแต่เช้าวันเดียวกัน โดยกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือยอมรับว่ากองกำลังพันธมิตรก่อการโจมตีเป้าหมาย 5 แห่ง ซึ่งรวมถึงสถาบันเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ (ดีเอสทีเอ) ที่เมืองปยีนอูลวีน ในรัฐชาน ซึ่งอยู่ภาคตะวันตกของเมียนมา

    เมืองปยีนอูลวีนเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นที่ตั้งของค่ายทหาร อยู่ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ที่ผ่านมาเมืองนี้ไม่เคยได้รับผลกระทบจากการสู้รบในภูมิภาคนั้น

    ตุน ตุน ญี โฆษกกองทัพเมียนมา กล่าวกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า ทหารกำลังต่อสู้กับพวกกบฏที่เมืองนองโช ใกล้กับสะพานข้ามทางรถไฟโก๊ะเต๊ะที่สร้างในสมัยอังกฤษปกครองพม่า และมีสะพานอีกสะพานในเมืองที่ถูกทำลายด้วย นอกจากนี้พวกกบฏยังวางเพลิงด่านของตำรวจปราบยาเสพติดในเมืองนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเท่าใด

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเปิดเผยเช่นกันว่า มีรายงานการสู้รบที่ด่านเก็บค่าทางด่วนในเมืองล่าเสี้ยว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่สุดในรัฐชาน

    กองทัพเมียนมาประกาศหยุดยิงในรัฐชานเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และได้ขยายเวลาต่อไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมที่จะถึงนี้

    ภาพจากสื่อของเมียนมาเผยให้เห็นสภาพความเสียหายจากการโจมตี มีซากรถยนต์ไหม้เกรียมหลายคันที่พรุนด้วยรูกระสุน และอาคารหลายหลังเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง

    ไม ไอค์ จอ โฆษกกองทัพปลดปล่อยตะอ้าง (ทีเอ็นแอลเอ) กล่าวกับเอเอฟพีว่า กลุ่มของเขาเปิดการโจมตีเพื่อตอบโต้การรุกโจมตีของกองทัพ การต่อสู้เกิดขึ้น 5 จุดเมื่อช่วงเช้า เป้าหมายมีทั้งดีเอสทีเอและสถานีตำรวจใกล้สะพานโก๊ะเต๊ะ

    เขาบอกด้วยว่า ทีเอ็นแอลเอก่อการครั้งนี้โดยประสานกับกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ) และกองทัพอาระกัน (เอเอ)

    ในการให้ข่าวกับรอยเตอร์ เขาอ้างว่า กองกำลังพันธมิตรภาคเหนือโจมตีครั้งนี้เพื่อตอบโต้ที่กองทัพพม่ารุกโจมตีพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์มากขึ้นในช่วงนี้ ทำให้พวกตนจำเป็นต้องเปลี่ยนสมรภูมิ

    "รัฐบาลที่อองซาน ซูจี เป็นผู้นำ กำลังพยายามสร้างสันติภาพ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้หากกองทัพไม่มีส่วนร่วมด้วย" เขากล่าว

ศพนอนเรียงบนพื้นในรั้วของสถานีตำรวจโก๊ตทวิน ในรัฐชาน ภายหลังกลุ่มกบฏบุกโจมตี / AFP

    ด้านพลจัตวาซอ มิน ตุน โฆษกกองทัพเมียนมา ยืนยันว่า พวกกบฏโจมตีทั้งหมด 5 จุด และมีพลเรือนเสียชีวิต 1 คน ทหารเสียชีวิต 2 นาย และการต่อสู้ยังดำเนินอยู่ "เราสันนิษฐานว่าพวกนั้นโจมตี เพราะกองทัพยึดยาเสพติดได้หลายตันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน" โฆษกกองทัพเมียนมากล่าวกับเอเอฟพี

    ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่ด่านของตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการโจมตี นับศพที่พบที่นั่นได้ 11 ศพ เป็นทหาร 7 ศพ และตำรวจ 4 ศพ ซึ่งทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมเป็นอย่างน้อย 14 คน

    ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเมียนมาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดที่เมืองกุก่ายในรัฐชานเมื่อเดือนกรกฎาคม และถูกต่อต้านด้วยกระสุนปืนใหญ่ การบุกครั้งนั้นสามารถยึดสารเคมีปริมาณมหาศาลและยาไอซ์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์

    การสู้รบครั้งใหม่ยิ่งเพิ่มอุปสรรคขัดขวางความพยายามของนางซูจีที่ต้องการยุติการสู้รบยาวนานหลายทศวรรษระหว่างทางการเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รัฐบาลของนางซึ่งชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2559 ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับหลายกลุ่มแล้ว แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวในรัฐกะฉิ่นและชานทางภาคเหนือ และรัฐยะไข่ในภาคตะวันตก ปฏิเสธทำข้อตกลงและยังคงสู้รบอย่างต่อเนื่อง.