ครูปรีชากลับไปสอนหนังสือแล้ว 
    วิชาพระพุทธศาสนา!
    เอาไงดีครับ?
    รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙ บอกว่า ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมอเป็นผู้กระทำผิดมิได้ 
    ถ้ายึดเอาตามรัฐธรรมนูญ จะปฏิบัติกับครูปรีชาเสมอเป็นผู้กระทำผิดไม่ได้ 
    แล้วครูปรีชาสอนวิชาพระพุทธศาสนาต่อได้หรือเปล่า? 
    กระทรวงศึกษาธิการไม่ควรนิ่งเฉย น่าจะพูดเรื่องนี้สักนิด เอาไว้เป็นบรรทัดฐาน เผื่อในอนาคตอาจมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก
    ที่จริงไม่น่าจะยาก ในแง่ศีลธรรมความเป็นครูนั้น ครูปรีชาสอนวิชาพระพุทธศาสนาซื้อหวยใต้ดิน ลอตเตอรี่งวดเป็นหมื่นเป็นแสน 
    มากกว่าเงินเดือนข้าราชการที่ได้รับ 
    ถึงไม่เกิดกรณีหวย ๓๐ ล้าน ก็ไม่ควรสอนวิชาพุทธศาสนาแล้ว 
    แต่...วันนี้ ครูปรีชายังคงสอนวิชาพุทธศาสนาต่อไป
    คงไม่ต่างไปจาก การที่ "เสี่ยป้อม" ก็ยังทำหน้าที่อยู่ ขณะ ป.ป.ช.สอบคดีนาฬิกาเพื่อน 
    ไม่มีการพักงาน 
    ช่วงนี้ถ้า "ลุงตู่" ไปต่างประเทศ "เสี่ยป้อม" ก็ต้องนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี
    ไม่ต่างไปจากการที่ร้อยเวร สภ.ทองผาภูมิ รับแจ้งความคดีทารุณสัตว์ แต่ถูกลงโทษเสียเอง เพราะผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย
    ทารุณสัตว์ป่าได้ ไม่มีกฎหมายเอาผิด
    และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จอมขยัน พูดเสียงดังฟังชัด ให้ตำรวจไปสอบหัวหน้าด่านกักสัตว์กาญจนบุรี เป็นผู้ร้องทุกข์ว่ามีเจตนาอะไร ทั้งที่ได้ถอนแจ้งข้อหาที่ว่าไปแล้ว
    ความผิดเพี้ยนตั้งแต่กรณีครูปรีชา เสี่ยป้อม มาถึงศรีวราห์ ยังคงดำเนินต่อไป 
    ทั้งๆ ที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสูงสุด สามารถทำให้เข้าที่เข้าทางได้ทันที
    แต่ไม่ทำ!
    ปล่อยให้นักเรียน เรียนวิชาพุทธศาสนากับครูที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องจริยธรรม 
    ประเทศนี้ประกาศจะปราบคอร์รัปชัน แต่คนที่ถูกตั้งข้อสงสัยประเด็นความโปร่งใส ยังมีบารมีสูงในคณะรัฐมนตรี 
    ประเทศนี้ต้องการข้าราชการตงฉิน แต่ข้าราชการเหล่านั้นยังได้รับผลกระทบจากประโยคที่ว่า คุกไม่ได้มีไว้เพื่อขังคนรวย
    ยังห่างไกลจากคำว่าปฏิรูปจริงๆ.