ชี้ซื้อขายที่ดินในเมืองแพงกว่าราคาประเมิน 50-100% 'หลังสวน'เริ่มต้นตารางวาละ 2 ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

15 ส.ค.2562 นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลการเก็บข้อมูลราคาที่ดินที่เสนอขายและได้รับความสนใจจากผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ว่า ทำเลเขตเมืองชั้นในมีความต้องการต่อเนื่อง เพราะเป็นทำเลที่มีอยู่จำกัด โดยทำเล 5 อันดับแรกที่มีราคาเสนอขายสูงสุด ได้แก่ ทำเลถนนวิทยุ เพลินจิต หลังสวน ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 2-3.5 ล้านบาท, ทำเลสีลม สาทร ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 1.2-2 ล้านบาท, ทำเลตามแนวเส้นรถไฟฟ้า สถานีสยาม-เอกมัย ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 900,000 บาท ถึง 2.5 ล้านบาท และทำเลที่นิยมของชาวจีน พระราม 9 รัชดา ลาดพร้าว ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 500,000 บาท ถึง 1.5 ล้านบาท และทำเลตามแนวรถไฟฟ้า สถานีพระโขนง-บางนา ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 250,000-500,000 บาท

ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 8.2% แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาที่ดินพื้นที่เขตเมืองชั้นปรับเพิ่มขึ้นรวดเร็ว โดยมีราคาที่ห่างจากราคาประเมินมากถึง 50-100% ซึ่งไม่มีผลต่อการซื้อขาย เพราะความต้องการยังมีอยู่ รวมถึงที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นทางต่างๆ ก็ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการมากขึ้น โดยมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะห่างจากสถานี และขนาดที่ดิน

“ที่ดินทำเลวิทยุ เพลินจิต ชิดลม หลังสวน มีราคาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดช่วงปลายปี 59 เนื่องจากการประมูลซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษที่มีแปลงที่ดินขนาดค่อนข้างใหญ่และทำเลดี โดยเสนอราคาประมูลที่ตารางวาละ 2,000,000 บาท ทำให้กลายเป็นราคาอ้างอิงในการเสนอขายที่ดินแปลงอื่น ๆ ส่งผลให้ราคาซื้อ-ขายที่ดินในทำเลดังกล่าวปรับตัวต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะตึงตัว ผู้พัฒนาโครงการพิจารณาการซื้อที่ดินอย่างระมัดระวัง รวมทั้งที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาและราคาที่เหมาะสมหายากขึ้นทุกปี ทำให้ราคาที่ดินกลางเมืองมีโอกาสชะลอตัว เพราะความต้องการของผู้พัฒนาโครงการน้อยลง ประกอบกับ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.63 ทำให้มีการปล่อยที่ดินออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพราะผู้ถือครองไม่ต้องการแบกภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มการปรับราคาที่ดินอาจไม่ขยับตัวขึ้นรวดเร็วเหมือน 3-4 ปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มการพัฒนาที่ดินในอนาคต ผู้พัฒนาโครงการจะหันไปพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น มองหาทำเลใหม่ ๆตามแนวรถไฟฟ้าโดยเฉพาะโซนตะวันออกในการพัฒนาโครงการสำหรับความต้องการที่อยู่อาศัยจริง รวมถึงสร้างโครงการที่มีรูปแบบใหม่ ๆ ที่ผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย รักษาสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่อำนวยความสะดวกกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย และเพื่อระบายปริมาณคอนโดมิเนียมในตลาดที่มีจำนวนมากที่กระจุกตัวอยู่ในย่านใจกลางเมือง และขยายกลุ่มให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการซื้อที่ดินและราคาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"