ต้องถือเป็นข่าวใหญ่และยาวนานอย่างยิ่ง แม้เป็นเพียงแค่ “ศาลชั้นต้น” เท่านั้น นั่นคือการ ยกฟ้องแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 24 ชีวิตในคดีก่อการร้าย โดยแกนนำ นปช. ทั้ง วีระกานต์ มุสิกพงศ์, จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง และคนอื่นๆ เข้าฟังอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นจำเลยที่เสียชีวิต 1 รายและที่หลบหนี 1 รายเท่านั้น โดยศาล ให้เหตุผลหลักว่าไม่เข้าข่ายองค์ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135 ซึ่งบทลงโทษก็มีอย่างเดียวคือ “ประหารชีวิต” นั่นเอง ...๐

มีข้อน่าสังเกตหลายเรื่องในคำพิพากษาที่ออกมา ไล่มาตั้งแต่ การยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8132/2561 ซึ่งเป็นคดีว่าด้วยการเผาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าไม่ใช่การกระทำของกลุ่ม นปช.มาอ้างอิง ทั้งที่ในคดีเผาหลายพื้นที่ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดนั้น ก็มีคดีที่สิ้นสุดแล้ว กลับบอกว่า เป็น “การก่อการร้าย” โดยเฉพาะกรณี “เซ็นเตอร์วัน” ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งจบที่ศาลอุทธรณ์ เพราะศาลฎีกาไม่รับฎีกา นี่ยังไม่รวมถึงการพิพากษาของศาลต่างๆ ในภูมิภาค ในการตัดสินลงโทษการเผาศาลากลาง ...๐ ยังมีเรื่องให้น่าสนใจเข้าไปอีก เมื่อศาลได้พิเคราะห์แล้วบอกว่า “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ เสธ.แดง นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของ  นปช. เพราะแนวทางการต่อสู้นั้นแตกต่างกัน แต่ที่น่าสนใจคือการ์ดของ นปช.หลายคนก็เป็นคนสนิทของ เสธ.แดง ซ้ำร้าย เสธ.แดงยังเคยขึ้นเวทีการชุมนุมหลายครั้ง การบอกว่าเดินคนละทางนั้นจึงดูแปร่งปร่าอย่างไรชอบกล ...๐

แล้วยังมีกรณีการขีดเส้นในการชุมนุมของคนเสื้อแดงให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำในวันที่ 19 พ.ค.2553 หลังจากแกนนำ นปช.ประกาศยุติการชุมนุม ว่าเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งมวลไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.แต่ประการใด!!! งานนี้เลยทำให้บรรดาคนที่เคยใช้วลี “เกมจบคนไม่จบ” ต้องออกอาการเหวอกันเลยทีเดียว เพราะเมื่อยุติการชุมนุมแล้วก็เอวังทุกอย่างแบบไม่มีควันหลง หรืออารมณ์ค้างกันเลย ...๐

นี่ยังไม่นับรวมกรณีที่ไม่เอ่ยอ้างถึง การเสียชีวิตของ “พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม" หรือ "เสธ.เปา" อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) จากการกระชับพื้นที่ที่แยกคอกวัว เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 เม.ย.2553 หรือแม้แต่กรณีทุบรถนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกฯ จนได้รับบาดเจ็บที่กระทรวงมหาดไทย ...๐

ในคำพิพากษาของศาลยังมีเรื่องให้น่าคิดและติดตามอย่างยิ่งอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าพุ่งตรงไปยังการทำหน้าที่ของอัยการ โดยระบุว่า “โจทก์ฟ้องคดีนี้รวม 5 สำนวน ขอให้ลงโทษฐานก่อการร้าย โดยบรรยายฟ้องถึงลักษณะการกระทำความผิดต่างๆ เพื่อให้ครบองค์ประกอบความผิด และไม่ได้ขอให้ลงโทษในการกระทำความผิดลักษณะต่างๆ มาด้วย จึงถือว่าเหตุการณ์ต่างๆ ตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องดังกล่าว เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ” งานนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตีความออกมาอย่างไร คงต้องให้กูรูกฎหมาย ผู้อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็นอย่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” ไขข้อข้องใจซะแล้ว ...๐

ฟันธง ณ ตรงนี้ได้เลยว่า หลังคำพิพากษาครานี้แล้วเฟซบุ๊กของคู่ผัวตัวเมียอย่าง “เหวง โตจิราการ” และ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” จะระเบิดเถิดเทิงแน่นอน ทั้งเรื่องการไชโยโห่ร้องที่รอดคดี และเรื่องของชายชุดดำที่ “เหวง” มักหยิบยกมาเสมอๆ ว่าไม่มีตัวตน ยิ่งคำพิพากษาครานี้ก็ระบุว่าชายชุดดำไม่รู้ว่าเป็นกองกำลังฝ่ายไหน ก็เรียกว่า “เข้าตีน” โหวงเหวงไปเต็มๆ ...๐

งานนี้เลยต้องขอทิ้งท้ายด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กของ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่ว่า ผมเคยเชื่อเหมือนที่นักปรัชญารุ่นเก่าๆ เชื่อว่า "ความอยุติธรรม เลวร้ายกว่าความตาย" วันนี้ผมเปลี่ยนใจใหม่แล้ว ผมเชื่อว่าแบกรับความอยุติธรรมไว้ทั้งสองบ่าเถอะ แต่ต้องรักษาชีวิตให้รอด วิชา "นิติปรัชญา" เขาเอาไว้ให้คุณเรียนเพื่อให้คุณจบวิชากฎหมายหรอก แต่ละวรรคแต่ละตอนของนิติปรัชญามันอาจไม่ผ่านเข้ามาในชีวิตจริงของคุณเลย ดื่มกินความอยุติธรรมเข้าไปเถอะ แม้มันจะขมขื่น แต่จงรักษาชีวิตให้รอด ในโลกแห่งความเป็นจริง "ไม่มีสิ่งที่ถูกกฎหมายใดๆ จะทรงพลังได้หรอกเมื่อกฎหมายไร้พลังเสียแล้ว" เรียกว่าเอวังด้วยประการฉะนี้ ...๐

ท.ศักดิ์