สยบข่าวลือไขก๊อก "บิ๊กตู่" ลั่นไม่ต้องห่วงยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน "ป้อม" สำทับมโนกันไปเอง ฝ่ายค้านย้ำความผิดสำเร็จต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกแล้ว รมต. 35 คนพ้นไปด้วย จากนั้นเริ่มเลือกนายกฯ กันใหม่ "ปิยบุตร" ยันไม่จบ แค่รับผิดชอบมติ ครม. อาจโมฆะ ชี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ปฏิบัติตาม รธน.ด้วย ไปกันใหญ่เสรีพิศุทธ์ยก "พันท้ายนรสิงห์" วันนอร์ยก "นิกสัน-คดีวอเตอร์เกต" บี้นายกฯ ต้องลาออก 7 พรรคเปิดแคมเปญ "ทวงคืนอำนาจจัดทำ รธน.ปชช." ปลุกรากหญ้า
เมื่อวันศุกร์ เวลา 09.00 น. ที่ที่ทำการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ถนนติวานนท์ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ สมาชิกวุฒิสภา และนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เข้าร่วมพิธี ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปราย ซึ่งนายกฯ ยังมีอาการไข้หวัด แต่ไม่ได้สวมหมวกหรือกางร่มกันฝนแต่อย่างใด
ภายหลังเสร็จพิธี นายกรัฐมนตรีเดินชมแบบจำลองอาคาร และได้ลงนามข้อความว่า “ขอให้ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดประสิทธิภาพในทุกมิติเพื่อประชาชนที่รักของเราตลอดไป” และได้ร่วมถ่ายรูปกับผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ก่อนเดินทางกลับ
จากนั้น เวลา 10.45 น. บริเวณชานชาลารถไฟฟ้า ชั้น 3 สถานีห้าแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 1 สถานี จากสถานีหมอชิต (N8) ไบยังสถานีห้าแยกลาดพร้าว (N9) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต
โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมในพิธีเปิด และเป็นที่น่าสังเกตว่า นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มาต้อนรับด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า หลายอย่างต้องปฏิรูป หลายอย่างต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญวันนี้อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจระดับล่างและระดับโลก
"ผมยืนยันวันนี้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ตรงนี้ ผมไม่ไปไหน ไม่ต้องเป็นห่วง พอแล้ว เดี๋ยวนอกเรื่องอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
หลังจากนั้น นายกฯ ได้โดยสารรถไฟฟ้าจากสถานีห้าแยกลาดพร้าวไปยังสถานีหมอชิต ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่นายกฯ ระบุว่าจะอยู่ทำงานต่อ หมายความว่าอย่างไร นายกฯ ตอบว่า "ก็เป็นนายกฯ ไงเล่า" ต่อจากนั้นนายกฯ ได้ทักทายประชาชนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้า และก่อนที่นายกฯ จะขึ้นรถกลับได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งยืนตะโกนให้กำลังใจพร้อมเรียก "ลุงตู่" โดยได้หันไปโบกมือพร้อมทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้
"ป้อม"สำทับ"ตู่"ไม่ลาออก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ กล่าวขอโทษ ครม.และขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในรัฐธรรมนูญบนเวทีมอบนโยบายต่อส่วนราชการ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า นายกฯ ก็บอกแล้วว่าท่านจะรับผิดชอบเอง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ดังนั้นก็เป็นเรื่องของท่านว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ตนจะไปทราบได้อย่างไร
“ที่บอกว่าโอ๊ยนายกฯ จะลาออก อย่างโน้นอย่างนี้ กังวลกันไป คิดกันไปเอง ท่านไม่ลาออกหรอก และเชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่น่าจะมีอะไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มาปรึกษาหารือท่านบ้างหรือไม่ในประเด็นนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ปรึกษา
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนไม่ห่วงและกังวลกรณีที่นายกฯ พูดถึงการขอรับผิดชอบคนเดียว เพราะหากนายกฯ สามารถฝ่าฟันคลื่นมรสุมได้ เรือลำนี้ รัฐนาวาลำนี้ก็รอด เพราะรัฐบาลชุดนี้จะไม่ใช่รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเป็นฝีพายที่พายไปในทิศทางเดียวกันถ้ากัปตันพาเรือให้รอดได้ พวกเราก็รอด ซึ่งต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐนาวาลำนี้พัฒนาและทำงานให้ประเทศชาติได้อย่างเต็มที่
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกเรื่องนายกฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบ และเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบว่า ขอให้นายกฯ มีกำลังใจ สามารถทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้มีความสงบสุข เมื่อนายกฯ พูดว่าจะแสดงความรับผิดชอบ จึงเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คงจะมีทางออกที่ดีอยู่แล้ว ตนยังไม่ทราบรายละเอียดปัญหาดังกล่าว เพราะไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้ภายในวุฒิสภา รวมทั้งไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนจริงหรือไม่
"ไม่เห็นมีสัญญาณว่านายกรัฐมนตรีจะถอดใจลาออกเพื่อรับผิดชอบกรณีนี้ และส่วนของวุฒิสภายังไม่กังวลอะไร ส่วนที่มีการยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงไปตามกระบวนการในฐานะองค์กรตรวจสอบ" นายพรเพชรกล่าว
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ขอวิจารณ์กรณีที่มีข้อสงสัยเรื่องนายกฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนครบหรือไม่ ด้วยถือเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร
ทางด้านฝ่ายค้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้า และประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์แสดงความรับผิดชอบกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณว่า เรื่องนี้แสดงชัดเจนว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ซึ่งเป็นหน้าที่ขององค์กรที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าการกระทำมีผลสมบูรณ์ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า การเข้ารับตำแหน่งจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน แต่ปัญหาตอนนี้คือยังไม่รู้ว่าองค์กรไหนจะออกมาชี้ขาด โดยอาจจะเป็นรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องผ่านช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อมีความสำผิดสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว
ฝ่ายแค้นย้ำต้องลาออก
"ความรับผิดชอบที่จะต้องพิจารณามีกันอยู่ 2 ทาง คือ 1.ความรับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนคนนั้น ว่าคุณจะทำอย่างไร จะลาออกหรือไม่ หรือจะรับผิดชอบอย่างไร และ 2.ความรับผิดชอบทางกฎหมาย เมื่อการปฏิญาณตนไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แค่ตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน" นายชูศักดิ์กล่าว
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ดีที่สุด จะส่งผลให้รัฐมนตรีอีก 35 คนพ้นจากตำแหน่งไปด้วย กลายเป็นรัฐบาลรักษาการ จากนั้นเริ่มต้นการเลือกนายกฯ กันใหม่ การเลือกหนทางนี้จะช่วยให้ข้อกังขาจากหลายฝ่ายที่อาจกลายเป็นวิกฤตการณ์คลี่คลายลงไปได้ หากยังดื้อดึงโดยดำรงตำแหน่งต่อไป แล้วใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป สั่งการต่างๆ โยกย้ายข้าราชการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณ ซึ่งไม่มีอำนาจก็จะยิ่งสร้างปัญหา และอาจบานปลายไปไกลเกินกว่าจะแก้ไขเยียวยาได้ ซึ่งหากมีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในการบริหารราชการแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์และ ครม.ทั้งคณะไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ทั้งทางกฎหมายและทางการเมือง
"รู้สึกเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยากทำตัวให้เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่กลับมีเรื่องราวที่ทำให้สังคมกังขา นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.2562 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ และรัฐมนตรีกล่าวถ้อยคำตาม พล.อ.ประยุทธ์ด้วยถ้อยคำที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ กระทบต่อพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ ทำให้ ครม.ไม่สามารถเข้าทำหน้าที่ ได้ แต่ก็ยังแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25-26 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงนั้นมีการทักท้วงแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับตัว มาถึงวันนี้ เสียงอ่อนลง การแสดงความรับผิดชอบแค่เพียงพูดขึ้นมาลอยๆ ว่าจะขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว หรือแม้แต่การเอ่ยปากขอโทษรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ก็ไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นสิ่งที่ถูกขึ้นมาได้" นางลดาวัลลิ์กล่าว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ในช่วงก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ได้พยายามทักท้วง พล.อ.ประยุทธ์แล้ว แต่นายกฯ ไม่ยอมรับ ปล่อยผ่านและยังเดินหน้าแถลงนโยบายต่อ หากวันนั้นนายกฯ ยอมรับหยุดการแถลงนโยบายก่อน และนำ ครม.เข้าสู่ขั้นตอนการถวายสัตย์ฯ ให้ครบถ้วน ครม.ก็จะสามารถเดินหน้าทำงานได้ แต่ปัญหาคือนายกฯ ไม่ยอมรับ จึงทำให้เกิดเงื่อนซับซ้อนมากขึ้น
“เรื่องนี้มีทางแก้ คือนายกรัฐมนตรีต้องไปดำเนินการกลับไปถวายสัตย์ปฏิญาณให้ครบ ประเด็นปัญหาคือ เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ มีมติ ครม.มีการอนุมัติงบ มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่สภา และทำงานบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว จึงกังวลว่าการทำงานของรัฐบาลจะเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามสอบถามมาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องสถานะว่า พล.อ.ประยุทธ์จะพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เรื่องสำคัญกว่านั้นคือการเดินหน้าทำงานของครม.ชุดนี้ สุดท้ายแล้วจะทำได้โดยถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ เพราะการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน” นายปิยบุตรกล่าว
ยก"พันท้ายนรสิงห์-นิกสัน"
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า การเสนอให้ดำเนินการขอถวายสัตย์ปฏิญาณตนใหม่เพื่อแก้ปัญหาว่า ครม.ชุดนี้จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้แล้วหรือยัง รวมถึงมติ ครม.ครั้งต่อไปจะสมบูรณ์หรือไม่ ในส่วนการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์และ ครม.เป็นเรื่องการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เพียงนายกฯ ที่เป็นผู้กล่าวนำเท่านั้น รัฐมนตรีทุกคนจะต้องกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตามนายกฯ ด้วย คณะรัฐมนตรีจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบในการทำผิดรัฐธรรมนูญร่วมกัน เมื่อคณะรัฐมนตรีรู้ว่าได้กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว แต่กลับไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบประการใดประการหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่น่าละอายเป็นอย่างยิ่ง
"ยกตัวอย่างกรณีพันท้ายนรสิงห์ แม้ว่าจะเป็นคนโปรดของพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อได้ทำความผิด และแม้เป็นเพียงไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้เสียพระเกียรติพระมหากษัตริย์และกฎจารีตประเพณี จึงยอมรับโทษประหาร ยิ่งกรณีนี้เป็นการจงใจกระทำผิด นายกฯ จึงควรต้องแสดงความรับผิดชอบในทางการเมืองจนถึงที่สุดด้วย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กเรื่อง 'ที่สุดของผู้นำคือความรับผิดชอบ' โดยระบุว่า...9 สิงหาคม 2517 "ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัก" ของสหรัฐอเมริกา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีวอเตอร์เกตอันลือลั่น นับเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาท่านแรกที่ลาออกจากตำแหน่งการเป็น "ผู้นำ" จำต้องมีความรับผิดชอบ เพราะความรับผิดชอบนี่เองที่สามารถชี้วัดได้ว่า "ผู้นำ" นั้นดีหรือไม่ดี มีประสิทธิภาพจิตสำนึกมากน้อยเพียงใด ยิ่งเป็นผู้นำที่ต้องรับผิดชอบกับกิจการประชาชนด้วยแล้วความรับผิดชอบก็ต้องทวีคูณ เพราะการตัดสินใจล้วนส่งผลต่อผู้คนมากมาย
"หลายคนอาจจะมองว่าความกล้าคือความกล้าทำอันนั้นก็ใช่ แต่หากจะพูดไปอีกว่า แล้วความกล้ารับผิดล่ะ มีมากน้อยเพียงใด ก็วัดได้เช่นกันว่าผู้นำคนนั้นเป็นคนอย่างไร และหากผิดแล้วยังดื้อรั้นว่าไม่ผิด ก็จะยิ่งก่อให้เกิดผลเสียตามมาเป็นแน่นอน เพราะมันอาจจะเป็นแบบอย่างที่กลายเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ตามเอาอย่างได้ การยอมรับผิดของผู้นำไม่ใช่เรื่องน่ากลัว กลับกัน กลับกลายเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง"
นายวันมูหะมัดนอร์ระบุอีกว่า "คดีวอเตอร์เกต" เป็นเรื่องเกี่ยวกับการโจรกรรมข้อมูล ในสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ณ อาคารวอเตอร์เกตคอมเพล็กซ์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่สอบสวนพบว่าผู้นำในขณะนั้นพยายามปกปิดอะไรหลายๆ อย่าง ท้ายที่สุดแล้วประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ก็ประกาศลาออก เพราะจำนนต่อหลักฐาน รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตนเองได้เกี่ยวข้องพัวพันไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกทั้งจริยธรรม กฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ หากว่าการปฏิบัติตนของผู้นำผิดหลักรัฐธรรมนูญแล้ว สิ่งที่ผู้นำควรรีบกระทำคือความรับผิดชอบด้วยสปิริต ทั้งลาออกก็เป็นตัวอย่างที่ดีว่าได้จัดการแก้ไขด้วยวิธีการที่ถูกต้อง แต่หากยังดื้อดึงดันถือว่าตนยิ่งใหญ่กว่าประชาชน แบบนี้ขอเตือนท่านจะเป็นผู้ร้ายในตำนานของประชาชนตลอดไป
นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า หลังจากเกิดกระแสลือลั่นไปทั่วเรื่องนายกฯ จะลาออก แม้ตนจะไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง แต่หากเป็นความจริงคงจะเป็นผลดีกับตัวนายกรัฐมนตรีเอง หลังเกิดกระแสกดดันหนักมากจากเรื่องการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ แต่การเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ นักกฎหมายบางคนของประเทศเรา ก็ยังสามารถพูดให้ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูกได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักการที่แท้จริง หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการที่จะลบข้อครหา และไม่อยากให้รัฐมนตรีคนอื่นเดือดร้อนดังที่กล่าวจริง ควรจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นการช่วยยกระดับและสร้างมาตรฐานการเมืองไทยไปอีกขั้น ดังที่ผู้นำประเทศที่มีจริยธรรมหลายๆ ประเทศทำกัน เมื่อเกิดข้อกล่าวหา แม้จะยังไม่มีการสืบสวนว่าผิดหรือไม่ก็ตาม จงอย่าอายที่จะลาออกเพื่อที่จะรักษาหลักการของประเทศ แต่จงละอายหากจะอยู่ท่ามกลางความไม่ชอบธรรม
7 พรรคขยับปลุกรากหญ้า
ที่พรรคเพื่อไทยมีการประชุมร่วมกันของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีแกนนำเข้าร่วม อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข คณะกรรมการยุทธศาสตร์, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ
นายปิยบุตรแถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ หลักการสำคัญจะให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ส่วนจะมีกี่คนนั้น จะลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับนักวิชาการ สื่อ ภาคประชาสังคม เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะออกมาใหม่เป็นร่างที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน โดยให้ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ จากนั้นจะไปให้ประชาชนร่วมลงประชามติ นอกจากนี้จะตั้งคณะกรรมการร่วมกันทั้ง 7 พรรคเพื่อมาดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันแต่ละพรรคสามารถรณรงค์ในส่วนที่ตนเองถนัดได้ สำหรับการรณรงค์จะรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “ทวงคืนอำนาจ การจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน” วันนี้สังคมเริ่มเห็นแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 จะนำไปสู่ทางตัน จะต้องทำรัฐธรรมนูญที่สุดท้ายแล้วเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่เป็นเพียงเฉพาะรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคการเมือง
"พรรคการเมืองให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องของนิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินการแก้ไขในระบบรัฐสภา โดยจะไม่มีเรื่องของความขัดแย้งหรือความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น" นายปิยบุตร กล่าว
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีแผนจะจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรภาคอีสาน ซึ่งกำลังพิจารณาจังหวัดและสถานที่ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาเลือกที่เหมาะสม ซึ่งจังหวัดนครพนม เป็นหนึ่งในหลายจังหวัดที่คณะเตรียมความพร้อมและสำรวจสถานที่กำลังพิจารณาอยู่ แต่เนื่องจากช่วงวันที่วางแผนไว้นั้นจะไปตรงกับช่วงวันแข่งขัน Open House ของโครงการ EP MEP ของโรงเรียนภาคอีสาน จึงเห็นว่าอาจจะกระทบต่อโครงการได้ แม้ว่าผู้จัดโครงการได้เสนอขอเลื่อนจัดแข่งขันออกไปเล็กน้อย
"รัฐบาลมีความตั้งใจว่าการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนั้น ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดและประชาชน และไม่ต้องการส่งผลกระทบใดๆ ต่อกิจกรรมที่ในจังหวัดได้วางแผนไว้แล้ว และนายกฯ ยังไม่ได้เห็นชอบจังหวัดและสถานที่การประชุม ดังนั้น คณะเตรียมการจัดการประชุมฯ กำลังพิจารณาแก้ปัญหา และอาจพิจารณาจังหวัดอื่นที่สะดวก และมีความพร้อมเพื่อนำเสนอนายกฯพิจารณาต่อไป" นางนฤมลกล่าว
ที่ภัตตาคารเสียวเสียวเสี้ยว อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เป็นประธานเปิดกิจกรรมเนื่องใน "วันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน" อ.เมืองฯ ประจำปี 2562 โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคร่วมกับนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค และเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นโชคดีของประชาชนชาวโคราชใน ครม.ชุดนี้มีรัฐมนตรี 3 คน ตนมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความมุ่งมั่นและมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ถ้านับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็รวมเป็น 4 คน เพราะท่านเกิดที่โคราช
"ฉะนั้นจะเห็นถึงความผูกพันที่ท่านมีต่อ จ.นครราชสีมา และโชคดีที่ต่อไปโคราชจะเจริญก้าวหน้า เพราะมีโครงการใหญ่ๆ มาลงจำนวนมาก เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ ปีหน้าก็จะได้ใช้กันแล้ว และยังมีรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือบก เพราะ จ.นครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคอีสาน สู่อินโดจีน" นายสุวัจน์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |