9 ส.ค.62- ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการแห่งศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ผู้ต้องหาหลบหนีคดี ม.112 ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย อ้างว่า หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกิด ได้รับโทรศัพท์ลึกลับทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งเขาบอกว่าไม่เคยได้รับโทรศัพท์แบบนี้เลยตั้งแต่มาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2012
โทรศัพท์ครั้งแรกเป็นคนญี่ปุ่นที่โทรเข้ามาที่สำนักงานของเขา ครั้งที่สองโทรเข้ามือถือ ครั้งที่สามเกิดขึ้นในระยะเวลา 24 ชม. ก่อนเกิดเหตุบุกทำร้าย
ส่วนครั้งสุดท้าย เป็นเบอร์โทรศัพท์จากต่างประเทศโทรเข้ามายังสำนักงานของมหาวิทยาลัยที่เขาทำงาน และทิ้งข้อความว่าเป็นชายชาวต่างชาติโทรจากเยอรมนี ระบุชื่อพร้อมด้วยตำแหน่งนำหน้าว่า "ดอกเตอร์" ซึ่งได้ลองค้นหาชื่อในกูเกิล แต่ไม่พบบุคคลชื่อนี้ ซึ่งปวินตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นตำแหน่งดอกเตอร์ น่าจะมีชื่อปรากฏอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต
หลังจากเหตุการณ์โทรศัพท์ทั้ง 4 ครั้ง ปวินคุยกับคนใกล้ชิดว่ามีโทรศัพท์แปลก ๆ มาถึงเขามากเกินไป และเริ่มระวังถึงความปลอดภัยในการใช้ชีวิต รวมทั้งการอยู่ในที่พัก
ปวินเล่าถึงเหตุการณ์บุกทำร้ายในที่พักในกรุงเกียวโตว่า เหตุเกิดตอนเวลาประมาณ 4.45 น. ของวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่เขาและคู่ชีวิตกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอนในคอนโดมิเนียมของพวกเขา
ปวินอ้างว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาทางประตูระเบียงด้วยการใช้ค้อนทุบกระจกให้เป็นรูแล้วสอดมือเข้ามาปลดล็อกประตู จากนั้นได้ตรงมาเปิดประตูห้องนอนที่เขาบอกว่าปกติไม่ได้ล็อก หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุกระชากผ้าห่มที่เขาและคนใกล้ชิดห่มอยู่ แล้วฉีดสารเคมีจากกระป๋องใส่ตัวพวกเขา
"สิ่งที่ผมบอกได้คือ คนร้ายเป็นนักย่องเบา ตอนเข้านอน ผมไม่ได้ยินอะไรเลย จนกระทั่งจุดที่เข้ามาอยู่ในห้องผม"
ปวินใช้คำว่า "สเปรย์ไม่ยั้ง" อธิบายเหตุการณ์ชั่วนาทีนั้น และเริ่มรู้สึกเจ็บแสบตามผิวหนังเนื่องจากฤทธิ์ของสารเคมี หลังจากนั้น ปวินบอกว่า คู่ชีวิตของเขาได้พยายามวิ่งตามผู้ก่อเหตุแต่หนีไปได้ และจำลักษณะการแต่งกายของผู้ก่อเหตุได้ว่า แต่งกายด้วยชุดดำทั้งหมด สวมคลุมหมวกไอ้โม่ง โผล่ให้เห็นแต่ตา
ปวินเล่าว่า หลังจากนั้นเขารีบไปล้างตัว และราว 15 นาทีต่อมา ตำรวจก็เดินทางมาถึงจากการโทรแจ้งความของเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากการถูกบุกรุก
ปวินระบุว่า จนถึงขณะนี้ ตำรวจญี่ปุ่นยังไม่เปิดเผยว่าสารเคมีที่ใช้ในการทำร้ายนั้นเป็นสารเคมีอะไร แต่จากการให้แพทย์ตรวจที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ พบว่าเป็นสารเคมีที่ทำให้ผิวหนังเจ็บแสบเป็นรอยแดง แต่หายได้ภายใน 48 ชม.
นอกจากนี้ ปวินยังเปิดเผยว่า ตำรวจญี่ปุ่นยังสั่งห้ามให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน และหยุดการเคลื่อนไหวใด ๆ บนโซเชียลมีเดีย นั่นเป็นสาเหตุที่เขาหายไปจากโซเชียลมีเดีย
"เขาก็บอกว่าอย่าทำ (ห้ามใช้โซเชียลมีเดียและห้ามให้ข้อมูลกับสื่อ) เพราะจะทำให้การสอบสวนหยุดชะงัก แต่เมื่อห้ามไม่ได้ เวลาคุณบอกสื่อขออย่างเดียว อย่าบอกว่าตำรวจสอบสวนไปถึงไหนแล้ว แต่ผมก็บอกว่าผมก็ไม่รู้อยู่ดี"
ปวิน อ้างถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นชุดที่เข้ามาสอบสวนที่บ้านพักว่า ทางตำรวจญี่ปุ่นเข้าใจถึงบริบทของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสถานภาพการเป็นผู้ลี้ภัยของเขา จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจตัดกรณีการบุกเพื่อลักขโมยออกไป
เขายังอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หน่วยตำรวจที่ทำคดี ไม่ใช่หน่วยที่ดูแลอาชญากรรมทั่วไป แต่เป็นหน่วยตำรวจต่อต้านก่อการร้ายสากลภายใต้สำนักงานตำรวจประจำเกียวโต
"ข้อสงสัยแรกสุด เหตุการณ์นี้เชื่อมโยงกับการก่อการร้ายสากล เพราะว่ามีองค์ประกอบจากต่างประเทศ" ปวินอ้างคำพูดของตำรวจ
ปวินเปิดเผยถึงการสืบสวนของตำรวจว่า ตำรวจสอบปากคำเขานาน 4 ชม. และแยกสอบปากคำเขาและคู่ชีวิตของเขา ตำรวจได้สอบสวนในทุกมูลเหตุ ทั้งอาชญากรรมที่มีสาเหตุจากความเกลียดชัง หรือด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งปวินปฏิเสธว่า คู่ของเขาได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเพื่อนบ้านในตึกเดียวกันที่เห็นพวกเขามา 7-8 ปี แล้ว เพื่อนบ้านให้การยอมรับบุคคลข้ามเพศ และทั้งสองคนไม่เคยถูกกลั่นแกล้งใดๆ.
ขอบคุณข้อมูลบีบีซีไทย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |