มอบนโยบาย หัวหน้าขรก. สั่งลุยเกียร์5


เพิ่มเพื่อน    

  นายกฯ ปธ.มอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการ "สมคิด" ยันรัฐบาลผสมทำงานร่วมกันได้ไม่ขัดแย้ง ย้ำต่อยอดอีอีซี ลุยลงทุนดิจิทัลปีหน้า 5Gต้องเกิด "จุรินทร์" ผุดโมบายยูนิตจดทะเบียนสินค้าจีไอรายจังหวัด "อนุทิน" ชูไทยแลนด์เฟิร์ส สั่ง ขรก.ลุยเกียร์ 5 ทำงาน ประเดิม ครม.สัญจรแรกนครพนม-มุกดาหาร 19-20 ส.ค.

    ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการระดับสูง และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จากทุกหน่วยงาน ประมาณ 800 คน เข้ารับฟัง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในการรักษาความปลอดภัยนอกจากใช้มาตรการขั้นสูงสุดแล้ว ยังมีความละเอียดในการป้องกันมากกว่าทุกครั้ง โดยแยกช่องทางในการเข้า-ออกของนายกฯ ครม. และผู้เข้าร่วมงานออกจากกัน 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า สำหรับมาตรการทางภาษี ขอฝากทุกคนให้มีจิตสำนึกในการเสียภาษีตามกฎหมาย และไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะรีดภาษีกับทุกคนอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่าการเงินการคลังของเรายังมีความเข้มแข็ง เงินทุนสำรองยังอยู่ในระดับสูง เพียงมีปัญหาในเศรษฐกิจโลก ส่วนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังแข็งแกร่ง ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และยังได้รับรายงานว่าค่าเงินบาทของไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ว่าเป็นค่าเงินที่ปลอดภัยที่สุด  
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ? รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้กำชับเรื่องการส่งเสริมโครงการเน็ตประชารัฐ การตั้งศูนย์ป้องกันข่าวปลอมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่ป่าสีเขียว แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าและภัยแล้ง? โดยให้ข้าราชการทุกคนนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้การทำงานให้ประชาชน ขณะเดียวกัน? ขอให้ตรวจสอบแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันภัยความมั่นคง โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีแรงงานเข้ามาทำงานจำนวนมาก 
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวเองได้รับมอบหมายให้ดูงานหลายกระทรวง แต่ในทางปฏิบัติ รัฐมนตรีแต่ละคนจะประสานงานกับกระทรวงอื่นด้วย สิ่งแรกที่จะขอพูดคือสถานการณ์ระยะสั้นที่เราเผชิญกันอยู่ เศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกรณีสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีน ทำให้หุ้นทั่วโลกตกหมด ไทยถึงเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ตกไป 2% กว่า ถือว่าฐานตลาดหุ้นไทยค่อนข้างแข็งแรง ขณะเดียวกันการบริโภคภายในประเทศ ขึ้นอยู่กับความมั่นใจของคนในประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน สำคัญที่สุดคือคนไทยกันเองต้องมีความมั่นใจ วันนี้ค่าเงินบาทก็แข็ง นักลงทุนไทยต้องใช้จังหวะในลงทุนในประเทศให้มากขึ้น รัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ ต้องถือโอกาสลงทุนในช่วงนี้ ได้แนะนำ รมว.คลัง และ รมว.คมนาคม ไปร่วมฟังการลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้งหมดว่าเขาจะช่วยกันอย่างไร ก็ได้รับความร่วมมือค่อนข้างดี 
    "ที่ห่วงว่ารัฐบาลผสมทำงานไม่ได้ก็ไม่จริง เพราะทุกคนรู้จักกันดี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข รู้จักกันมา 20 กว่าปี ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์  เป็นนักศึกษารุ่นใกล้เคียงกัน ดังนั้นแต่ละท่านรู้จักกันมา 20 กว่าปี การปรึกษาหารือไม่มีปัญหาเด็ดขาด เราต้องการอะไร เขาต้องการอะไรพูดคุยได้หมด ฉะนั้นเรื่องความกังวลความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย ไม่มีอย่างเด็ดขาด" นายสมคิดระบุ
    ทั้งนี้ เราต้องมองไปที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กระทรวงต่างๆ ต้องให้ความสำคัญการต่อยอดโครงการเก่าที่รัฐบาลทำอยู่ เรื่องแรกคืออีอีซี แบ่งเป็น 3 เฟส เริ่มจากขายแนวความคิดช่วง 2 ปีแรก เพื่อให้เห็นว่าเป็นโครงการใหญ่ ต้องทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ดึงลงทุนเข้ามาที่นี่ นอกเหนือจากไปที่จีน การคมนาคมจึงเกิดขึ้น เพราะมีส่วนสำคัญในการปูพื้นฐานการพัฒนา จากนั้นจะเป็นเรื่องของดิจิทัล ทีโอที แคท ต้องการเน้นการลงทุนดิจิทัล จะทำโครงการเสนอขึ้นมา ย้ำนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยบอกว่า 5G ปีหน้าต้องเกิดให้ได้ ส่วนเฟสสอง ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้นักลงทุนมาไทยให้ได้มากที่สุด 
    ส่วนเฟสสุดท้าย คือการรู้จักใช้เกมระหว่างประเทศทำให้คนตัวเล็กกลายเป็นคนตัวใหญ่เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ฉะนั้นงานของกระทรวงการต่างประเทศในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราทำให้ไทยจากโนบอดี้ ให้กลายเป็นพระเอกเสียงดังในอาเซียน และขณะนี้เราต้องเล่นไพ่ 3 ใบ จีน สหรัฐ และญี่ปุ่น เราประสานงานกับทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่มีเอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องแรกที่อยากพูดถึงคือการประกันรายได้เกษตรกร นโยบายรัฐบาลเขียนไว้ชัดในนโยบายเร่งด่วน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร 5 ประเภท คือ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด โดยเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ได้สรุปแล้วว่าจะประกันรายได้เกษตรกรสวนปาล์มกิโลกรัมละ 4 บาท ณ น้ำมัน 18% ตามมาตรฐานกลาง แต่ละครอบครัวที่ปลูกปาล์มจะได้รับไม่เกิน 25 ไร่ต่อครัวเรือน 
    นอกจากนี้ยังฝากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีผลไม้หลายชนิดที่ต้องพึ่งพาการส่งออก ตลาดใหญ่สุดคือจีน แต่เขาเริ่มเคร่งครัดเรื่องมาตรฐานผลไม้และสินค้าเกษตรส่งออก โดยต้องการเอกสาร GAP ที่ยืนยันว่าผลิตได้อย่างมีมาตรฐาน แม้ที่ผ่านมาจะได้ดำเนินการไปแล้วอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยอยากให้เร่งรัดการออกเอกสารดังกล่าว หากติดปัญหาคอขวดตรงนี้ จะทำให้การส่งออกมีปัญหา และตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมจะมีปัญหา ส่วนเรื่องที่สองคือเซฟการ์ด หากมีสินค้าเกษตรตัวใดนำเข้ามาในปริมาณผิดปกติ เราสามารถใช้มาตรการเซฟการ์ด ตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบสินค้าเกษตรภายในประเทศ ซึ่งขอให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการเรื่องนี้ 
    อีกประเด็นที่คิดว่าจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้ คือ การเพิ่มมูลค่าทางการค้าชายแดนในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่จะต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับการพัฒนาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจดทะเบียน จีไอ หรือการบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เช่น ไข่เค็มไชยา ได้ประสานงานผ่านกระทรวงมหาดไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรวบรวมสินค้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียนจีไอ จากนั้นจะจัดโมบายยูนิตลงไปจดทะเบียน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าในท้องถิ่นต่อไป
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้พวกเรามีหน้าที่ต้องให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน เราผ่านยุค 5 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการลงพื้นที่กันตามหน้าที่  สิ่งที่จะต้องทำจากนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ต้องมีคำตอบให้ทุกเรื่อง ในส่วนของตัวเองที่มีรัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทย 7 คน ได้คุยกันและคิดนโยบายภายใต้แนวคิด “ไทยแลนด์เฟิร์ส” คือ ไทยคิด ไทยทำ และคนไทยต้องได้เป็นคนแรก งบประมาณที่จะใช้จ่ายแต่ละปี มีทั้งจากการท่องเที่ยว การขายสินค้าไทย รับจ้างแรงงานไทย เราจะหาทางทำให้เงินหมุนเวียนได้หลายรอบ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในเศรษฐกิจฐานราก ทุกงบประมาณต้องลงถึงประชาชนในทุกระดับชั้นให้ได้มากที่สุด 
    ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็มีเรื่องกัญชา ที่จะนำไปใช้ทางการแพทย์ ต่อยอดภาคอุตสาหกรรม หากผลการศึกษาออกมาเป็นที่น่าพอใจ ตัวสารสกัดจากกัญชาจะช่วยต่อยอดทางเศรษฐกิจได้มาก นอกจากนั้นจะโปรโมตการแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก สมุนไพรไทย มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 
    "เราไม่ได้มาห้ำหั่นอะไรกัน ลืมอดีตทุกอย่าง มองไปข้างหน้า ขอให้ท่านเอาผลงานมาแลก จะได้รู้ว่าอยู่ได้หรือไม่ได้ ถ้าทำได้ดี ไม่มีใครย้ายท่านได้ เพราะเราต้องการคนทำงาน ขอให้ใส่เกียร์ 5 ลุยให้เต็มที่ ไม่ต้องรอดูว่ารัฐมนตรีมีนโยบายอย่างไร ถ้าผลงานดี ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ ความเป็นธรรมเกิดขึ้นแน่นอน ขอให้ท่านได้สบายใจ ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ต้องเหลียวหลัง" นายอนุทินระบุ
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า รัฐบาลได้เตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) เป็นครั้งแรกของรัฐบาลปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 19-20 ส.ค.นี้ ที่จังหวัดนครพนม-มุกดาหาร ซึ่งถือเป็นการประชุมพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน โดยจะมีการแบ่งงานให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียง เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน รวมทั้งติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลที่วางไว้ด้วย ในส่วนของการประชุม ครม.เศรษฐกิจ เลื่อนจากวันที่ 19 ส.ค. มาเป็นวันที่ 21 ส.ค.แทน.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"