การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ซึ่งต้องเป็นประธานคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล และคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต้องเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นั้น เป็นเพราะปมประเด็นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร-ตร. ในอดีต ที่อำนาจอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในช่วง “รัฐบาลประยุทธ์ภาคแรก” ที่ทำให้ภาพของ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ทรงอำนาจในการ เลื่อน ลด ปลด ย้าย ในตอนนั้น
แต่ใน 1-2 ปีนี้ไม่เหมือนก่อน โครงสร้างอำนาจของกองทัพและตำรวจเปลี่ยนแปลงไป อำนาจในการโยกย้ายไม่ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด 100% อีกทั้งการพิจารณาใครไปลงตำแหน่งใด ต้องมีความรอบคอบ เหมาะสม ไม่ส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง แบ่งขั้วกัน
สำหรับกองทัพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้พบปะกับ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในวันที่เข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมในวันแรก และได้แจ้งให้ส่ง “โผโยกย้าย” ไปตามลำดับชั้นในวันที่ 15 ส.ค.นี้
“ผมให้สิทธิ์ ทั้งทหารและตำรวจจะทำรายชื่อขึ้นมา ผู้นำหน่วยต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของผมก็จะเป็นผู้ตรวจทานความเหมาะสมและขีดความสามารถว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร คิดว่าทุกคนมีความสามารถอย่างไร แต่จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร ผู้นำหน่วยที่รองลงไปต้องรับผิดชอบในเรื่องการแต่งตั้งทางตำรวจและทหาร แม่ทัพต้องรับผิดชอบ เพราะดูกองทัพ สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางผู้บัญชาการภาคก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความรับผิดชอบมาให้ผม เพราะผมจะดูแลความเหมาะสมให้ทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อมาดูความเคลื่อนไหวในกองทัพ ในระนาบของผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะมีการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารอากาศเพียงคนเดียว เนื่องจาก พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เกษียณอายุราชการ ซึ่งแคนดิเดตในตำแหน่ง ผบ.ทอ.คนใหม่ ยังคงเป็นชื่อของ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เสนาธิการทหารอากาศ ที่คาดว่าจะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนที่ 26 ต่อไป
แต่ “ไฮไลต์” ก็ยังเป็นที่กองทัพบก แม้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะยังไม่เกษียณอายุราชการ แต่การขยับปรับย้ายในระดับ 5 เสือ ทบ.ในปีนี้น่าจะทำให้เห็นเส้นทางการเจริญเติบโตของนายทหารสาย “วงศ์เทวัญ-บูรพาพยัคฆ์” ที่ทำหน้าที่ในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) มากขึ้น
โดยปีนี้ พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก 1 (ผช.ผบ.ทบ.) จะเกษียณอายุราชการ และอาจจะมีการส่งออก พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผช.ผบ.ทบ.2 ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เนื่องจาก พล.อ.วิชัย แชจอหอ ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นโควตาที่ส่งมาจาก ทบ. จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ซึ่งทำให้ ผช.ผบ.ทบ.ว่างลงทั้งสองตำแหน่ง โดยผู้ที่ถูกวางตัวให้เข้ามาอยู่ใน 5 เสือ ทบ. ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง พล.อ.อภิรัชต์เกษียณอายุราชการ คือ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ส่วนผช.ผบ.ทบ.อีกหนึ่งตำแหน่ง คาดว่าจะเป็น พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3
ในขณะที่มีชื่อ พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1, พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นไปเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 โดยมี พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) มาเข้าไลน์รองแม่ทัพภาคที่ 1
แต่ที่น่าจะเป็นการ “เขยิบ” จังหวะก้าวในการเปลี่ยนแปลงคือ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งวัฒนะ เพราะหลังยุค พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร มาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้จัดระบบในการปรับย้ายให้ “คนใน” ได้เติบโตขึ้นมาสู่ “ระดับยอดสุด” และเป็นช่วงระยะเวลายาวนานพอสมควรที่ ผบ.ทสส.คุมสภาพส่งไม้ให้ “คนใน” อย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร, พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ, พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์, พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ จนมาถึง พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี
แม้ในปีนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ยังไม่เกษียณอายุราชการ แต่การวางตัวบุคคลมาลงในตำแหน่ง 5 เสือทัพไทย นั่นคือทิศทางในอนาคตที่ต้องเป็นไป โดยคาดว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ที่ขยับจากรองเสนาธิการทหารบกขึ้นมาเมื่อโยกย้ายปีที่แล้ว จะข้ามไปเป็นเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทสส. ในปีหน้า
หากดูจากรายชื่อที่ขยับขึ้นมามาเข้าไลน์ในเหล่าทัพ ก็จะเห็นว่า หลายคนนั้นนอกจากจะเป็นผู้บังคับหน่วยปกติแล้ว ยังคงดำรงตำแหน่งเป็น “ฉก.” หรือ ชื่อเต็มก็คือหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)
ซึ่ง 12 ขุนพลที่ผ่านหลักสูตรการฝึก “ทหารมหาดเล็กราชวัลลภ” 3 เดือนมา ได้แก่ พล.อ.อภิรัชต์, พล.อ.เฉลิมพล, พล.ท.ณรงค์พันธ์, พล.อ.อ.ภูมิใจ ชัยพันธ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน, พล.ท.ธรรมนูญ วิถี, พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี, พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2 รอง), พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์, พล.ต.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รองแม่ทัพภาคที่ 1, พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (ผบ.รร.จปร.), พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11), พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.)
กระนั้น รมว.กลาโหม ยังต้องมีภารกิจในการแก้ปมถวายสัตย์ฯ ที่ยังไม่ลุล่วง การจัดโผ “ตร.-ทหาร”ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในแต่ละช่วงสถานการณ์มาตลอด จึงต้องระวัง “คลื่นใต้น้ำ” ที่อาจจะกระเพื่อมแรงในช่วงเดือนนี้เป็นพิเศษ!!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |